ทำความเข้าใจ ESG : ในปัจจุบัน แนวคิดการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) กลายเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างยิ่ง การพัฒนา ESG ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างความสมดุลให้ธุรกิจและสังคม ทั้งยังส่งเสริมให้องค์กรมีความมั่นคงยั่งยืนในระยะยาว บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงสามเสาหลักของ ESG และกรณีศึกษาจากธุรกิจที่มีการนำ ESG ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ที่ปรึกษา ESG – ESG Consulting firm
- สื่อสาร ESG SDGs กิจกรรม อีเวนต์ ค่าย workshop CSRs
- จัดอีเว้นท์ ครบวงจร
1. การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Management)
การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเป็นองค์ประกอบสำคัญของ ESG เนื่องจากธุรกิจหลายประเภทมีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ตัวอย่างการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมใน ESG เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การประหยัดทรัพยากรน้ำและพลังงาน และการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน
กรณีศึกษา: บริษัท IKEA ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้านชั้นนำของโลก มุ่งเน้นการใช้วัสดุรีไซเคิลในผลิตภัณฑ์กว่า 60% และตั้งเป้าหมายให้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ IKEA เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในปี 2030 นอกจากนี้ IKEA ยังมีแผนการพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทนให้ใช้ในโรงงานผลิตทั่วโลก ซึ่งเป็นตัวอย่างของการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่มีผลลัพธ์ชัดเจน
การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจมีความยั่งยืน แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจในหมู่ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีจริยธรรม
2. การจัดการด้านสังคม (Social Responsibility)
การจัดการด้านสังคมใน ESG ครอบคลุมการดูแลพนักงาน การเคารพสิทธิมนุษยชน และความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน องค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมจะมุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ส่งเสริมการพัฒนาทักษะของพนักงาน และร่วมพัฒนาชุมชนที่องค์กรดำเนินงานอยู่
กรณีศึกษา: บริษัท Unilever ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้นำ ESG มาเป็นหลักการดำเนินงานด้านสังคม โดยการตั้งเป้าหมายให้พนักงานทุกคนมีสิทธิเข้าถึงสวัสดิการทางสุขภาพที่ครบถ้วน รวมถึงการจัดฝึกอบรมทักษะให้กับพนักงานในทุกประเทศที่บริษัทดำเนินการอยู่ เพื่อส่งเสริมให้พนักงานสามารถเติบโตทั้งในด้านการทำงานและชีวิตส่วนตัว
แนวทางของ Unilever นี้สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมจะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชนและสังคมรอบข้าง ขณะเดียวกันก็เพิ่มความมั่นคงให้กับองค์กรเองในระยะยาว
3. การกำกับดูแลกิจการ (Governance)
การกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นเสาหลักที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความโปร่งใสในองค์กร โดยมีเป้าหมายให้ธุรกิจมีระบบการตรวจสอบและควบคุมที่เข้มงวด ลดความเสี่ยงจากการคอร์รัปชันและการทำธุรกรรมที่ผิดจริยธรรม
กรณีศึกษา: บริษัท Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก มีนโยบายการกำกับดูแลที่ชัดเจน โดย Tesla ได้สร้างระบบการรายงานผลกระทบของธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลให้แก่ผู้ถือหุ้น เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างโปร่งใสและได้รับการตรวจสอบจากสาธารณชน การดำเนินการเช่นนี้ช่วยให้ Tesla สามารถเพิ่มความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและผู้บริโภคในแบรนด์
การมีกระบวนการกำกับดูแลกิจการที่ดีจึงเป็นการลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้น อีกทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในสายตาของสาธารณชน
บทสรุป ทำความเข้าใจ ESG กับความยั่งยืนขององค์กร
การบูรณาการ ESG กับแผนกลยุทธ์องค์กรไม่เพียงแต่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การศึกษากรณีตัวอย่างจากบริษัทที่ประสบความสำเร็จ เช่น IKEA, Unilever และ Tesla ช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนถึงผลลัพธ์ที่ดีจากการนำ ESG มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักสูตร ESG Management Program โดย SET และ Sasin ใน Module แรกนี้ ถือเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้องค์กรมีความรู้ความเข้าใจในการนำ ESG มาใช้เพื่อสร้างธุรกิจที่สมดุลและเติบโตไปพร้อมกับความยั่งยืนในอนาคต