ทำไมนักเศรษฐศาสตร์ถึงไม่ชอบแผนภาษีศุลกากรของทรัมป์? ในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ การเสนอใช้ภาษีศุลกากรเป็นหนึ่งในนโยบายทางเศรษฐกิจที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามแผนนี้ได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากนักเศรษฐศาสตร์เพราะ
เพิ่มต้นทุนสำหรับผู้บริโภค
ภาษีศุลกากรมักจะถูกถ่ายโอนไปยังผู้บริโภคในรูปของราคาสินค้าที่สูงขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าการเพิ่มภาษีศุลกากรของทรัมป์จะทำให้สินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ มีราคาสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน สรุปคือท้ายที่สุดประชากรของ US ก็ต้องซื้อของแพงขึ้น
ตอบโต้จากประเทศคู่ค้า
การใช้ภาษีศุลกากรสูงอาจนำไปสู่การตอบโต้จากประเทศคู่ค้า ส่งผลให้เกิดสงครามการค้าซึ่งจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโลกรวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเอง
ความไม่มีประสิทธิภาพ
การใช้ภาษีศุลกากรเป็นวิธีการที่ไม่มีประสิทธิภาพในการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ เพราะมันอาจสร้างความเสียหายมากกว่าผลประโยชน์ โดยเฉพาะในระยะยาว
- บทวิเคราะห์โลก 2025: ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงและโอกาส
- การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาค การเดินเรือและผลกระทบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2025
ตัวอย่าง สงครามไก่
‘สงครามไก่’ เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของผลกระทบจากภาษีศุลกากร ในปี 1962 สหรัฐอเมริกาได้ตั้งภาษีศุลกากร 25% ต่อการนำเข้าเนื้อไก่จากยุโรปเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมไก่ในประเทศ ยุโรปตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีศุลกากรสูงต่อสินค้าสหรัฐอเมริกาเช่นกัน รวมถึงรถยนต์จากอเมริกา ส่งผลให้ภาษีศุลกากรเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกยกเลิกจนถึงปัจจุบัน แม้จะผ่านไปหลายทศวรรษ นี่แสดงให้เห็นว่าภาษีศุลกากรที่เริ่มต้นเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวอาจกลายเป็นปัญหาระยะยาวได้
ภาษีศุลกากรทำงานอย่างไร?
ภาษีศุลกากรคือภาษีที่เก็บจากสินค้านำเข้า การทำงานของภาษีศุลกากรมีดังนี้
การเก็บภาษี
เมื่อสินค้านำเข้ามายังประเทศหนึ่งๆ, ผู้นำเข้าจะต้องจ่ายภาษีศุลกากรตามอัตราที่กำหนด ซึ่งมักคำนวณจากมูลค่าของสินค้า
ผลกระทบต่อราคา
ภาษีศุลกากรจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น ผู้นำเข้าส่วนใหญ่จะถ่ายโอนต้นทุนนี้ไปยังผู้บริโภคโดยการขึ้นราคาสินค้า
ป้องกันอุตสาหกรรมในประเทศ
ภาษีศุลกากรสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันอุตสาหกรรมภายในประเทศจากการแข่งขันจากสินค้านำเข้าราคาถูก อย่างไรก็ตาม มันก็มีข้อเสียคืออาจทำให้สินค้าในประเทศไม่มีแรงจูงใจในการพัฒนาคุณภาพหรือลดต้นทุน
รายได้รัฐบาล
ภาษีศุลกากรยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล แต่การพึ่งพารายได้จากภาษีศุลกากรมากเกินไปอาจนำไปสู่นโยบายที่ไม่ยั่งยืนในระยะยาว
นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากจึงไม่เห็นด้วยกับการใช้ภาษีศุลกากรในรูปแบบที่ทรัมป์เสนอ เพราะมันสามารถสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจมากกว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับ
ภาษีศุลกากรเป็นการสร้างงานได้อย่างไร?
ภาษีศุลกากรมีการโต้เถียงในเรื่องของการสร้างงาน
การปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ
ภาษีศุลกากรที่เก็บจากสินค้านำเข้าสามารถทำให้สินค้าจากต่างประเทศมีราคาสูงขึ้น ซึ่งช่วยให้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น นี่อาจนำไปสู่การขยายกิจการและการจ้างงานเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่ได้รับการปกป้อง
ความซับซ้อนของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม การสร้างงานจากภาษีศุลกากรไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไป เพราะมันอาจเพิ่มต้นทุนให้กับบริษัทที่ใช้วัตถุดิบนำเข้า ทำให้สินค้าส่งออกมีราคาสูงขึ้น และเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตในภาพรวม ผลลัพธ์อาจเป็นการสูญเสียงานในภาคอื่นๆ ของเศรษฐกิจ
ทำไมภาษีศุลกากรจึงยากที่จะยกเลิก
การเมืองและความสนใจของกลุ่มอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมที่ได้รับการปกป้องจากภาษีศุลกากรมีแรงจูงใจทางการเมืองในการรักษาภาษีเหล่านี้ไว้ เพราะการยกเลิกอาจส่งผลให้พวกเขาเสียเปรียบในการแข่งขัน
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
การยกเลิกภาษีศุลกากรอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนและการปรับตัวของตลาดในระยะสั้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและการผลิต
ตอบโต้จากประเทศคู่ค้า
หากภาษีศุลกากรถูกยกเลิกข้างเดียว, ประเทศคู่ค้าอาจไม่ยอมยกเลิกภาษีตอบโต้ของพวกเขา ทำให้การค้ากลับสู่สภาพเดิมเป็นเรื่องยาก
ข้อเสนอของทรัมป์เกี่ยวกับภาษีศุลกากร
ข้อเสนอภาษีศุลกากรของทรัมป์
ภาษีศุลกากรสูง ในช่วงการดำรงตำแหน่งและแม้กระทั่งในแผนการเมื่อเข้าสู่สมัยที่สอง, ทรัมป์เสนอการเก็บภาษีศุลกากรสูงต่อสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา รวมถึงภาษีศุลกากรสากล 10-20% ต่อสินค้านำเข้าทั้งหมด
เป้าหมายการสร้างงาน ทรัมป์มองว่าภาษีศุลกากรจะช่วยสร้างงานในอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐ โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าราคาถูก
การตอบโต้และผลกระทบ ข้อเสนอเหล่านี้ได้รับการวิจารณ์ว่าอาจนำไปสู่สงครามการค้า, เพิ่มค่าครองชีพ, และสร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจโลก เนื่องจากประเทศคู่ค้าอาจตอบโต้ด้วยภาษีศุลกากรของตนเอง
การจำกัดการนำเข้า นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเสนอการใช้ภาษีศุลกากรเพื่อจำกัดการนำเข้าสินค้าบางประเภท โดยเฉพาะจากจีน เพื่อลดการขาดดุลการค้าและปกป้องเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมสำคัญของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จริงจากการใช้ภาษีศุลกากรตามแผนของทรัมป์มีการถกเถียงกันอย่างมากในหมู่นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านการค้า เนื่องจากมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าภาษีศุลกากรอาจทำให้เกิดการสูญเสียงานมากกว่าการสร้างงานในระยะยาว
ผลกระทบต่อประเทศไทยกับนโยบาภาษีศุลกากร
การพิจารณาผลกระทบของนโยบายภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ต่อประเทศไทย, ต้องดูจากหลายปัจจัยรวมถึงข้อมูลจากการศึกษาและการวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้อง:
ผลกระทบที่เป็นไปได้ต่อประเทศไทย
- การส่งออกไปสหรัฐฯ:
- ลดลง: หากทรัมป์เก็บภาษีศุลกากรสูงต่อสินค้านำเข้าจากไทย สินค้าส่งออกไทยจะมีราคาสูงขึ้นในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการลดลงและส่งผลเสียต่อการส่งออกของไทย
- การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ
- เพิ่มขึ้น: ถ้าสหรัฐฯ ลดการนำเข้าจากประเทศอื่นๆ เพื่อปกป้องตลาดในประเทศ สินค้าจากสหรัฐฯ อาจมีราคาที่แข่งขันได้ดีขึ้นในไทยเนื่องจากการลดต้นทุนการแข่งขันจากสินค้าประเทศอื่น
- การเปลี่ยนเส้นทางการค้า
- การทะลักของสินค้าจีน: มีความกังวลว่าสินค้าจีนที่ไม่สามารถส่งไปสหรัฐฯ ได้อาจเบนเข็มมายังประเทศไทย ทำให้ไทยต้องรับมือกับสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นซึ่งอาจสร้างความไม่สมดุลทางการค้า
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจโลก
- สงครามการค้า: นโยบายภาษีศุลกากรที่เข้มงวดของทรัมป์อาจนำไปสู่สงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง ทำให้การส่งออกของไทยลดลงจากความต้องการที่ลดลงในตลาดโลก
- การปรับตัวของธุรกิจ
- โอกาสในการลงทุน: บริษัทสหรัฐฯ อาจมองหาฐานการผลิตในประเทศอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร, ซึ่งไทยอาจได้รับการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องมลภาวะและการแข่งขันที่สูงขึ้น
- เงินเฟ้อและค่าครองชีพ
- เพิ่มขึ้น: หากสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องมีราคาสูงขึ้นจากภาษีศุลกากร, อาจทำให้ค่าครองชีพในไทยเพิ่มขึ้น
สรุป
นโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งในแง่บวกและลบ ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ไทยจัดการปรับตัวและการเจรจาทางการค้าในระดับนานาชาติ อย่างไรก็ตาม, การวิเคราะห์เหล่านี้เป็นการวิเคราะห์เชิงทฤษฎีและต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง รัฐบาลไทยและภาคธุรกิจควรเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ