US ขึ้นภาษี การค้าทั่วโลก ธุรกิจไทยควรมีทิศทางอย่างไร

US ขึ้นภาษี การค้าทั่วโลก

US ขึ้นภาษี การค้าทั่วโลก ธุรกิจไทยควรมีทิศทางอย่างไร บทย่อโดยสรุป

  • สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% ตั้งแต่ 5 เมษายน 2568 กระทบการส่งออกไทยลดลง 0.8% หรือเสียหาย $6 พันล้าน
  • ไทยควรเร่งเจรจา FTA กับ EU คาดเสร็จกลางปี 2569 และเน้น ESG เพื่อเข้าถึงตลาด $19 ล้านล้าน
  • ธุรกิจควรย้ายฐานผลิตไป ASEAN และปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน EU เพื่อลดความเสี่ยง

ผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ

สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ณ สวนกุหลาบ ทำเนียบขาว ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% เริ่มตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 5 เมษายน 2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ตามข้อมูลจาก Bangkok Biz News การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “วันแห่งการปลดแอก” ที่ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐฯ ถูกชาติอื่นขูดรีดมานานกว่า 50 ปี และจะเพิ่มรายได้ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ปีละ $600,000 ล้าน ผ่านกำแพงภาษี การวิเคราะห์จาก Krungsri Research คาดว่าการส่งออกไทยอาจลดลง 0.8% หรือเสียหาย $6 พันล้าน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและยานยนต์ ซึ่งสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกหลักของไทยที่มีมูลค่าสูงถึง $45 พันล้านในปี 2566

โอกาสจาก EU และ ESG

ในขณะที่สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษี EU กลายเป็นทางเลือกสำคัญ โดยการเจรจา FTA ไทย-EU คาดว่าจะเสร็จสิ้นกลางปี 2569 ตาม European Commission EU ซึ่งมีมูลค่าตลาด $19 ล้านล้าน เน้นความยั่งยืนผ่านนโยบาย ESG เช่น Corporate Sustainability Due Diligence Directive (CSDDD) ที่จะมีผลในปี 2570 ตาม Skadden Insights ธุรกิจไทยควรลงทุนลดการปล่อยคาร์บอนและตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับสูงถึง 5% ของรายได้ และใช้ประโยชน์จากตลาด EU ที่กำลังเตรียมมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยภาษี 20%

เพื่อรับมือภาษีสหรัฐฯ และขยายสู่ EU ด้วยกลยุทธ์ ESG สามารถเพิ่ม Line @normthing เพื่อปรึกษา Normthing ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและกฎหมายธุรกิจสิ่งแวดล้อม


US ขึ้นภาษีการค้าทั่วโลก ธุรกิจไทยควรมีทิศทางอย่างไร

การค้าโลกเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศนโยบายภาษีนำเข้าตอบโต้คู่ค้าทั่วโลก ณ สวนกุหลาบ ทำเนียบขาว โดยไทยถูกตั้งภาษี 36% สูงเป็นอันดับต้นๆ ในอาเซียน ตามข้อมูลจาก Bangkok Biz News บทความนี้จะวิเคราะห์ผลกระทบต่อธุรกิจไทยและแนะแนวทางสำหรับผู้บริหาร ผู้ประกอบการ และนักการตลาด โดยเน้นโอกาสในตลาด EU และการปรับตัวตามหลัก ESG และกฎหมายสิทธิมนุษยชน

ผลกระทบจากภาษีการค้าของสหรัฐฯ

ทรัมป์แถลงว่า มาตรการนี้เป็น “วันแห่งการปลดแอก” เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมสหรัฐฯ และเพิ่มแต้มต่อในการเจรจาการค้า โดยสหรัฐฯ จะเก็บภาษีขั้นต่ำ 10% กับทุกประเทศตั้งแต่ 5 เมษายน 2568 และตั้งอัตราสูงขึ้นสำหรับบางชาติ เช่น จีน 54% (จากเดิม 20% บวกเพิ่ม 34%) และไทย 36% ตามตารางที่ทรัมป์นำเสนอ สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยด้วยมูลค่า $45 พันล้านในปี 2566 จะกระทบไทยอย่างหนัก Krungsri Research คาดว่าการส่งออกไทยอาจลดลง 0.8% หรือเสียหาย $6 พันล้าน โดยเฉพาะเกษตรและยานยนต์

นโยบายนี้ยังกำหนดภาษี 25% สำหรับยานยนต์จากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งอาจกระทบซัพพลายเชนของไทยที่พึ่งพาการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ รัฐบาลไทยวางแผนเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯ 10% และลงทุนในรัฐอย่างเท็กซัสเพื่อลดผลกระทบ ขณะที่ธุรกิจควรพิจารณาย้ายฐานผลิตไปยัง ASEAN เพื่อลดความเสี่ยง

สถานการณ์ผลกระทบต่อไทยตัวเลขสำคัญ
สหรัฐฯ เก็บภาษี 36% กับไทยการส่งออกลดลง 0.8%, เสียหาย $6 พันล้านGDP ลดเล็กน้อย
ไทยเพิ่มนำเข้าจากสหรัฐฯ 10%ลดผลกระทบจากภาษี

โอกาสจากตลาด EU และการบูรณาการ ESG/กฎหมายสิทธิมนุษยชน

ท่ามกลางกำแพงภาษีสหรัฐฯ EU กลายเป็นทางเลือกสำคัญ โดย FTA ไทย-EU คาดเสร็จกลางปี 2569 เร็วกว่ากำหนดเดิม EU ซึ่งมีมูลค่าตลาด $19 ล้านล้าน เน้น ESG ผ่านนโยบายอย่าง CSDDD ที่กำหนดให้บริษัทจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทาน หากไม่ปฏิบัติตาม อาจเจอค่าปรับ 5% ของรายได้ ตาม Skadden Insights

นอกจากนี้ EU ใช้ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) ตั้งแต่ปี 2566 เพื่อเก็บภาษีคาร์บอนจากสินค้านำเข้า ธุรกิจไทยต้องปรับตัวด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียนและลดการปล่อยก๊าซเพื่อแข่งขันในตลาดนี้ EU ยังเตรียมตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยภาษี 20% ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ไทยเจาะตลาดแทนสินค้าสหรัฐฯ หากปฏิบัติตามมาตรฐาน ESG และสิทธิมนุษยชน

นโยบาย EUผลกระทบต่อไทยตัวอย่างการปรับตัว
CSDDD (มีผล 2570)ต้องตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานด้านสิทธิมนุษยชนลงทุนลดคาร์บอน ตรวจสอบซัพพลายเชน
CBAM (เริ่ม 2566)อาจเจอภาษีคาร์บอนเพิ่มใช้พลังงานหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซ

สรุป

ภาษี 36% จากสหรัฐฯ เป็นความท้าทายใหญ่ แต่การเร่งเจรจา FTA กับ EU และปรับตัวตาม ESG จะช่วยลดผลกระทบและเปิดตลาดใหม่ หากต้องการวางกลยุทธ์การค้า การจัดอีเวนต์ หรือการตลาดที่สอดคล้องกับเป้าหมาย ESG สามารถเพิ่ม Line @normthing เพื่อปรึกษากับ Normthing ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและกฎหมายธุรกิจสิ่งแวดล้อม

Key Citations