กรณีศึกษา: การปรับตัวสู่ดิจิทัล ของบริษัทท้องถิ่น

Turning-business-digital

กรณีศึกษา: การปรับตัวสู่ดิจิทัล ของบริษัทท้องถิ่น Key Take away

  • กรณีศึกษานี้เน้นบริษัท PTT Digital Solutions ซึ่งเป็นบริษัทท้องถิ่นในไทยที่ปรับตัวสู่ดิจิทัลด้วยการใช้เทคโนโลยีสมาร์ทออฟฟิศและระบบอัตโนมัติ
  • การเปลี่ยนแปลงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและประสบการณ์พนักงาน โดยเฉพาะการทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid Working)
  • ผลลัพธ์แสดงให้เห็นการลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งอาจเป็นแนวทางสำหรับบริษัทอื่น

การปรับตัวสู่ดิจิทัล ภาพรวมกรณีศึกษา

PTT Digital Solutions ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม PTT ได้ปรับตัวสู่ดิจิทัลโดยเน้นการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานด้วยเทคโนโลยีสมาร์ทออฟฟิศ เช่น ระบบจองห้องประชุมและโต๊ะทำงาน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับการทำงานแบบผสมผสาน การเปลี่ยนแปลงนี้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยที่คาดว่าจะเติบโตถึง 53,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 (Access Partnership)

ความท้าทายและกลยุทธ์

ก่อนการเปลี่ยนแปลง PTT Digital เผชิญปัญหาการทำงานที่ไม่ราบรื่น เช่น การจองห้องประชุมแบบแมนนวลที่ทำให้เกิดความซ้ำซ้อน พวกเขาแก้ปัญหาด้วยการใช้ระบบ W+ Meet in Touch และ W+ Co Desk ซึ่งรองรับโต๊ะทำงานกว่า 110 โต๊ะด้วยแผนผัง 3D และหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ (Exzy Case Study) นอกจากนี้ ยังใช้ AI และระบบ ERP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (PTT PLC Digitalization)

ผลลัพธ์และบทเรียน

ผลลัพธ์ที่ได้คือการใช้พื้นที่ออฟฟิศเพิ่มขึ้น 30% และพนักงานมีประสบการณ์การทำงานที่ดีขึ้น การใช้ RPA ลดต้นทุนการดำเนินงาน 20% และระบบความปลอดภัยไซเบอร์ช่วยปกป้องข้อมูลตามกฎหมาย PDPA ของไทย สำหรับบริษัทท้องถิ่นอื่น การเริ่มจากเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานและใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมอาจเป็นก้าวแรกที่ดี

หากต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถ Add Line @normthing เพื่อรับบริการจาก Normthing ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรึกษาธุรกิจ การจัดอีเวนต์ การตลาด และกฎหมาย ESG


กรณีศึกษา: การปรับตัวสู่ดิจิทัล ของบริษัทท้องถิ่น

การปรับตัวสู่ดิจิทัล ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินธุรกิจ บริษัทท้องถิ่นในประเทศไทยกำลังเร่งปรับตัวเพื่อแข่งขันและตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า บทความนี้จาก Normthing ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านการจัดอีเวนต์ การตลาด และกฎหมายธุรกิจสิ่งแวดล้อม ESG นำเสนอกรณีศึกษาการปรับตัวสู่ดิจิทัลของ PTT Digital Solutions Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม PTT และมีบทบาทสำคัญในภาคพลังงานและอุตสาหกรรมของไทย เนื้อหานี้มุ่งเป้าไปที่ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ และนักการตลาด โดยข้อมูลทั้งหมดอัปเดตถึงวันที่ 3 เมษายน 2568 เพื่อให้มั่นใจในความถูกต้องและทันสมัย

ภาพรวมของ PTT Digital Solutions และการเดินทางสู่ดิจิทัล

PTT Digital Solutions ก่อตั้งในปี 2549 และมีประสบการณ์กว่า 17 ปีในการให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เพื่อสนับสนุนกลุ่ม PTT ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำของไทย บริษัทนี้มีบทบาทเป็นผู้ช่วยด้านดิจิทัลให้กับภาคพลังงานและอุตสาหกรรม โดยให้บริการเช่น การอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Process Automation) และศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security Operation Center) ตามรายงานจาก BTW Media ในเดือนมีนาคม 2568 (BTW Media) การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของ PTT Digital สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ซึ่ง Access Partnership คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 53,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 (Access Partnership)

การเดินทางสู่ดิจิทัลของ PTT Digital รวมถึงการปรับปรุงสถานที่ทำงาน การนำ AI และระบบ ERP เข้ามาใช้ และการขยายบริการ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน กรณีศึกษานี้เน้นการเปลี่ยนแปลงในด้านสถานที่ทำงานและการให้บริการ ซึ่งสามารถเป็นแบบอย่างให้กับบริษัทท้องถิ่นอื่นๆ โดยเฉพาะ SMEs ที่ต้องการแข่งขันในตลาดดิจิทัล

ความท้าทายก่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล

ก่อนการเปลี่ยนแปลง PTT Digital เผชิญกับความท้าทายหลายประการที่เป็นปัญหาสามัญของบริษัทท้องถิ่นในไทย ประการแรกคือประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงจากกระบวนการแมนนวล เช่น การจองห้องประชุมและโต๊ะทำงานผ่านอีเมล ซึ่งมักทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและคำขอหายไป ตามกรณีศึกษาจาก Exzy ในปี 2567 พบว่า การจัดการพื้นที่ทำงานแบบเดิมสร้างปัญหาให้กับพนักงาน โดยเฉพาะในยุคที่การทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid Working) เริ่มเป็นที่นิยม (Exzy Case Study)

ประการที่สอง การเปลี่ยนแปลงสู่การทำงานแบบผสมผสานหลังโควิด-19 สร้างความท้าทายในการรองรับพนักงานทั้งที่ทำงานจากที่บ้านและที่ออฟฟิศ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้ในไทยที่มีการใช้ข้อมูลมือถือสูง โดย Trade.gov คาดการณ์ว่าการใช้ข้อมูลต่อการสมัครสมาชิกจะเพิ่มจาก 32.7 GB ต่อเดือนในปี 2565 เป็นเกือบ 80 GB ต่อเดือนในปี 2568 (Trade.gov Digital Economy)

ประการสุดท้าย ความปลอดภัยไซเบอร์เป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ โดย National Cyber Security Agency รายงานว่าจำนวนเหตุการณ์ไซเบอร์ในไทยเพิ่มจาก 135 เหตุการณ์ในปี 2564 เป็นกว่า 772 เหตุการณ์ในปี 2565 โดยส่วนใหญ่เป็นการละเมิดข้อมูลผ่านเว็บไซต์ภาคการศึกษาและสาธารณะ (Trade.gov Digital Economy) PTT Digital จึงต้องหาวิธีปกป้องข้อมูลในขณะที่ขยายบริการดิจิทัล ความท้าทายเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของบริษัทท้องถิ่นในการถ่วงดุลระหว่างการนำเทคโนโลยีมาใช้กับต้นทุนและความปลอดภัย

กลยุทธ์ที่นำมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล

เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว PTT Digital ดำเนินกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลหลายด้าน ประการแรกคือการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานด้วยการนำเทคโนโลยีสมาร์ทออฟฟิศมาใช้ ในปี 2567 พวกเขาได้ร่วมมือกับ Exzy เพื่อปรับปรุงสำนักงานในตึก Energy Complex (EnCo) โดยนำระบบ W+ Meet in Touch สำหรับจองห้องประชุมและ W+ Co Desk สำหรับจองโต๊ะทำงานส่วนกลาง ซึ่งรองรับโต๊ะทำงานกว่า 110 โต๊ะด้วยแผนผัง 3D และหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ (Exzy Case Study) การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยเพิ่มการใช้พื้นที่ออฟฟิศและยกระดับประสบการณ์พนักงานให้เหมาะกับการทำงานแบบผสมผสาน

ประการที่สอง PTT Digital ขยายบริการ IT ผ่านศูนย์อัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Process Automation Center – IPAC) ซึ่งให้เครื่องมือ Robotic Process Automation (RPA) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน ตามรายงานจาก BTW Media ในปี 2568 พบว่า IPAC ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดค่าใช้จ่าย (BTW Media) นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยไซเบอร์ (CSOC) ให้การตรวจสอบเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อปกป้องข้อมูลและสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของไทย

ประการสุดท้าย PTT Digital ดำเนินโครงการ AI Adoption Initiative ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งโครงสร้างการกำกับดูแล นโยบาย และการฝึกอบรมพนักงานเพื่อใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ ตามรายงานด้านความยั่งยืนของ PTT PLC ในปี 2567 พบว่าโครงการ POWER (Powering Digital Organization with ERP) ช่วยปรับกระบวนการให้สอดคล้องกับระบบ ERP และโซลูชันดิจิทัลสมัยใหม่ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานและส่งเสริมความเป็นเลิศด้านการปฏิบัติงาน (PTT PLC Digitalization) กลยุทธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมสถานที่ทำงานและการอัพเกรดเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสำหรับบริษัทท้องถิ่นที่ต้องการแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย Normthing ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการตลาดและ ESG สามารถช่วยธุรกิจอื่นๆ ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนได้

ผลลัพธ์และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล

ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของ PTT Digital มีความน่าประทับใจ การนำเทคโนโลยีสมาร์ทออฟฟิศมาใช้ช่วยเพิ่มการใช้พื้นที่ออฟฟิศถึง 30% ตามกรณีศึกษาของ Exzy และยกระดับประสบการณ์พนักงานให้ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น (Exzy Case Study) ความพึงพอใจของพนักงานเพิ่มขึ้นจากระบบการจัดการพื้นที่ทำงานที่ดีขึ้น และมีผลตอบแทนทั้งระยะสั้นและระยะยาวจากเทคโนโลยีสมาร์ทออฟฟิศ

ในด้านบริการ IT การใช้เครื่องมือ RPA ลดต้นทุนการดำเนินงานได้ 20% ขณะที่ CSOC ช่วยลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์และสอดคล้องกับกฎหมาย PDPA ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัทในไทยที่ต้องปกป้องข้อมูลลูกค้าและพนักงาน ด้านการเงิน โครงการดิจิทัลของ PTT Digital สนับสนุนเป้าหมายของกลุ่ม PTT ในการส่งเสริมนวัตกรรม ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยตามที่ Trade.gov คาดการณ์ (Trade.gov Digital Economy) นอกจากนี้ โครงการ POWER และ AI Adoption Initiative ช่วยปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามรายงานด้านความยั่งยืนของ PTT PLC ในปี 2567 (PTT PLC Digitalization) ผลลัพธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลสามารถขับเคลื่อนประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัทท้องถิ่นในไทยได้

บทเรียนและคำแนะนำ

การเดินทางสู่ดิจิทัลของ PTT Digital ให้บทเรียนสำคัญสำหรับบริษัทท้องถิ่นในไทย ประการแรก การเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานสามารถแก้ไขปัญหาการทำงานที่ไม่ราบรื่นและเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานแบบผสมผสาน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในบริบทของผู้ใช้ไทยที่เน้นการใช้มือถือเป็นหลัก ประการที่สอง การลงทุนในด้านความปลอดภัยไซเบอร์และ AI เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในปี 2568 โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นและโอกาสจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ประการสุดท้าย การร่วมมือกับผู้ให้บริการเทคโนโลยี เช่น Exzy หรือใช้ประโยชน์จากความร่วมมือภายในกลุ่มบริษัทสามารถเร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะสำหรับ SMEs ที่มีทรัพยากรจำกัด

สำหรับผู้บริหารและนักการตลาด กรณีนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับกลยุทธ์ดิจิทัลให้สอดคล้องกับความคาดหวังของลูกค้าและข้อกำหนดด้านกฎหมาย เช่น ESG และ PDPA ผู้ประกอบการสามารถเรียนรู้จากวิธีการแบบค่อยเป็นค่อยไปของ PTT Digital เช่น การเริ่มต้นด้วยโครงการนำร่อง เช่น สมาร์ทออฟฟิศ ก่อนขยายไปสู่การใช้ AI ในวงกว้าง Normthing แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรับแต่งกลยุทธ์ให้เหมาะสม โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติตามกฎหมายและความยั่งยืน หากคุณสนใจเปลี่ยนแปลงธุรกิจสู่ดิจิทัล สามารถ Add Line @normthing เพื่อรับคำแนะนำส่วนตัวจากทีมของเรา ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการปรึกษาธุรกิจ การจัดอีเวนต์ การตลาด และกฎหมาย ESG

ตารางสรุปกรณีศึกษา การปรับตัวสู่ดิจิทัล PTT Digital Solutions

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ข้อมูลต่อไปนี้แสดงรายละเอียดสำคัญของกรณีศึกษา:

ด้านรายละเอียด
บริษัทPTT Digital Solutions Company Limited (ส่วนหนึ่งของกลุ่ม PTT)
อุตสาหกรรมพลังงานและอุตสาหกรรม
สถานที่สำนักงาน Energy Complex (EnCo)
พนักงานมากกว่า 1,000 คน
ความท้าทายหลักการทำงานแบบแมนนวลไม่ราบรื่น การทำงานแบบผสมผสาน และความปลอดภัยไซเบอร์
กลยุทธ์หลักสมาร์ทออฟฟิศ (W+ Meet in Touch, W+ Co Desk), RPA, CSOC, AI Adoption, ERP
ผลลัพธ์เพิ่มการใช้พื้นที่ออฟฟิศ 30%, ลดต้นทุน RPA 20%, ปกป้องข้อมูลตาม PDPA
บทเรียนเริ่มจากสถานที่ทำงาน ลงทุนในไซเบอร์และAI ร่วมมือกับผู้ให้บริการเทคโนโลยี

ตารางนี้ช่วยให้ผู้บริหารและนักการตลาดสามารถวางแผนกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลได้อย่างเป็นระบบ

Key Citations