อีเวนต์เสมือนจริง ในปี 2568

Visual Event 2025

อีเวนต์เสมือนจริงในปี 2568 Key Take Away

  • อีเวนต์เสมือนจริงในปี 2568 จะเน้นใช้ AI เพื่อเพิ่มประสบการณ์ เช่น การจับคู่เครือข่ายและวิเคราะห์ข้อมูล
  • แพลตฟอร์มแบบครบวงจรและโมดูลบริการตนเองช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น
  • การเก็บข้อมูลผู้เข้าร่วมจะสำคัญสำหรับการตลาด และต้องสอดคล้องกับกฎหมาย PDPA
  • เนื้อหาและฟีดแบ็คจากผู้เข้าร่วมจะขับเคลื่อนความสำเร็จของอีเวนต์

ภาพรวมสถานการณ์ อีเวนต์เสมือนจริง

อีเวนต์เสมือน จริงในประเทศไทยปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตจากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงถึง 99.5 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 139% ของประชากร (DataReportal Digital 2025 Thailand) การใช้สมาร์ทโฟนและวิดีโอสตรีมมิ่ง เช่น TikTok และ YouTube ซึ่งมีผู้ดูวิดีโอออนไลน์ทุกวันกว่า 70% (Inspira Digital Agency) สนับสนุนการจัดอีเวนต์ เช่น เว็บินาร์หรือการเปิดตัวสินค้าออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ

เทรนด์สำคัญ

การใช้ AI จะช่วยจับคู่เครือข่ายและวิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าร่วม เช่น การแนะนำเซสชันที่เหมาะสม (vFairs AI for Events) แพลตฟอร์มแบบครบวงจร เช่น vFairs ช่วยผสาน CRM และ Martech เพื่อจัดการอีเวนต์ได้ง่ายขึ้น (vFairs Integrations) การเก็บข้อมูลผู้เข้าร่วมผ่านฟอร์มลงทะเบียนจะสำคัญสำหรับการตลาด แต่ต้องระวังกฎหมาย PDPA (vFairs First-Party Data) ผู้จัดอาจใช้โมดูลบริการตนเองเพื่อสร้างเว็บไซต์หรือแอปมือถือได้ด้วยตัวเอง เนื้อหา เช่น เว็บินาร์ก่อนอีเวนต์ และฟีดแบ็คจากผู้เข้าร่วม (74% ใช้ฟีดแบ็คตาม Freeman) จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ (Freeman Trends Report)

รายละเอียดที่น่าสนใจ

การผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น เทศกาลสงกรานต์ในอีเวนต์เสมือนจริง อาจดึงดูดผู้ชมทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสที่หลายธุรกิจอาจยังไม่ตระหนัก


อีเวนต์เสมือนจริง ในปี 2568

ในปี 2568 อีเวนต์เสมือนจริงกำลังพัฒนาไปสู่ระดับใหม่ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีการใช้งานดิจิทัลสูงและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

Normthing ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านการจัดอีเวนต์ การตลาด และกฎหมายธุรกิจสิ่งแวดล้อม ESG นำเสนอบทความนี้เพื่อให้ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ และนักการตลาดได้รับข้อมูลลึกซึ้งเกี่ยวกับเทรนด์อีเวนต์เสมือนจริง

ภาพรวมสถานการณ์อีเวนต์เสมือนจริงในประเทศไทย

ประเทศไทยมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงถึง 99.5 ล้านเลขหมายโทรศัพท์ในต้นปี 2568 ซึ่งคิดเป็น 139% ของประชากรทั้งหมด ตามรายงานจาก DataReportal (DataReportal Digital 2025 Thailand) การใช้สมาร์ทโฟนและการสตรีมมิ่งวิดีโอ เช่น TikTok และ YouTube ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 70% ดูวิดีโอออนไลน์ทุกวัน (Inspira Digital Agency) สนับสนุนการเติบโตของอีเวนต์เสมือนจริง

โดยเฉพาะในบริบทของการทำงานแบบผสมผสานและการประชุมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด-19 อีเวนต์เสมือนจริง เช่น เว็บินาร์ การประชุมผู้ถือหุ้น หรือการเปิดตัวสินค้าออนไลน์ ช่วยลดต้นทุนการเดินทางและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในภูมิภาคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในปี 2568 คาดว่าอีเวนต์เสมือนจริงจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ไฮบริด โดยเฉพาะในงานใหญ่ เช่น DigiTech ASEAN Thailand 2025 ซึ่งมีเว็บินาร์รายเดือนเพื่อเสริมงานออฟไลน์ (DigiTech ASEAN)

นอกจากนี้ การสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น การส่งเสริมดิจิทัลอีโคโนมีผ่านกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ช่วยผลักดันการใช้เทคโนโลยีสำหรับอีเวนต์เสมือนจริง โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว

เทรนด์หลักของอีเวนต์เสมือนจริงในปี 2568

การใช้ AI เพื่อเพิ่มประสบการณ์ผู้เข้าร่วม

AI จะเป็นเทรนด์หลักในอีเวนต์เสมือนจริงปี 2568 โดยเฉพาะการใช้สำหรับการจับคู่เครือข่าย (matchmaking) และการวิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าร่วม จาก vFairs AI จะช่วยสร้างการเชื่อมต่อระหว่างผู้เข้าร่วมตามความสนใจ เช่น การแนะนำเซสชันที่เหมาะสมหรือการจับคู่สำหรับการประชุมแบบตัวต่อตัวเสมือน (vFairs AI for Events) สำหรับประเทศไทยที่มีการใช้ AI ในงานดิจิทัลเพิ่มขึ้น เช่น AI Connect 2025 ที่จัดโดยกระทรวงดิจิทัล (DigiTech ASEAN) คาดว่าแบรนด์ท้องถิ่นจะใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ความรู้สึก (sentiment analysis) และปรับเนื้อหาให้เหมาะกับผู้ชม เช่น การแนะนำเซสชันภาษาไทยสำหรับผู้เข้าร่วมในประเทศ ซึ่งช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและประสบการณ์ส่วนตัว

การรวมแพลตฟอร์มเทคโนโลยีแบบครบวงจร

การใช้แพลตฟอร์มอีเวนต์แบบครบวงจรที่ผสานการทำงานกับ CRM, Martech, และระบบ ATS จะเป็นที่นิยมในปี 2568 เพื่อลดความซับซ้อนในการจัดการ vFairs ระบุว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้ผู้จัดสามารถสร้างเว็บไซต์อีเวนต์ โมบายแอป และพิมพ์บัตรได้ด้วยตัวเอง (vFairs Integrations) สำหรับธุรกิจไทยที่มีงบจำกัด การใช้แพลตฟอร์มเช่นนี้ช่วยประหยัดเวลาและต้นทุน โดยเฉพาะ SMEs ที่ต้องการจัดอีเวนต์เสมือนจริงเพื่อโปรโมตสินค้า เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านเว็บินาร์ ซึ่งสามารถผสานกับระบบ CRM เพื่อติดตามลีดหลังอีเวนต์

การเก็บข้อมูลผู้เข้าร่วมเพื่อการตลาด

อีเวนต์เสมือนจริงจะเป็นแหล่งข้อมูลหลักสำหรับการตลาดแบบ First-Party Data โดยเก็บข้อมูล เช่น ตำแหน่งงาน ความสนใจ และพฤติกรรมผ่านฟอร์มลงทะเบียน vFairs เน้นว่าข้อมูลนี้ช่วยให้ผู้จัดสามารถสร้างแคมเปญโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายได้แม่นยำ (vFairs First-Party Data) ในประเทศไทยที่มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เข้มงวด ผู้จัดต้องมั่นใจว่าการเก็บข้อมูลสอดคล้องกับกฎหมาย ซึ่ง Normthing สามารถช่วยให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย ESG สำหรับการจัดการข้อมูล เช่น การขอความยินยอมจากผู้เข้าร่วมก่อนเก็บข้อมูลหรือการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อความปลอดภัย

ความต้องการแพลตฟอร์มแบบบริการตนเอง

ผู้จัดอีเวนต์ในปี 2568 จะหันมาใช้โมดูลบริการตนเองมากขึ้น เช่น การสร้างเว็บไซต์อีเวนต์หรือแอปมือถือด้วยตัวเอง เพื่อลดการพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก vFairs ระบุว่าโมดูลเหล่านี้ช่วยให้ผู้จัดควบคุมประสบการณ์ได้เต็มที่ ([vFairs Landing Page Builder](visual reference, no URL)) สำหรับธุรกิจไทยที่มีทีมงานขนาดเล็ก การใช้แพลตฟอร์มแบบนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง เช่น การออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้มีภาษาไทยและอังกฤษเพื่อรองรับผู้เข้าร่วมทั้งในและต่างประเทศ

กลยุทธ์เนื้อหาที่ขับเคลื่อนอีเวนต์

เนื้อหาจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อีเวนต์เสมือนจริงประสบความสำเร็จ โดยเน้นกิจกรรมก่อนและหลังอีเวนต์ เช่น เว็บินาร์หรือเนื้อหาแบบตามต้องการ vFairs แนะนำให้สร้าง “แบรนด์อีเวนต์” สำหรับภาค IT และองค์กร เพื่อดึงดูดผู้เข้าร่วมระยะยาว (vFairs Content Marketing) สำหรับประเทศไทย การผสมผสานเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น เทศกาลสงกรานต์ในรูปแบบเสมือนจริง สามารถดึงดูดผู้ชมทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวหรือแบรนด์ท้องถิ่นที่ต้องการขยายตลาด

การให้ความสำคัญกับฟีดแบ็คจากผู้เข้าร่วม

ฟีดแบ็คจากผู้เข้าร่วมจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของอีเวนต์เสมือนจริง โดย vFairs อ้างอิงรายงาน Freeman 2024 ที่พบว่า 74% ของผู้จัดใช้ฟีดแบ็คเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ (Freeman Trends Report) สำหรับธุรกิจไทย การเก็บฟีดแบ็คผ่านแบบสอบถามหลังอีเวนต์ช่วยปรับปรุงเนื้อหาและเพิ่มการมีส่วนร่วมในอนาคต เช่น การเพิ่มเซสชันถาม-ตอบหรือปรับเวลาให้เหมาะกับเขตเวลาในประเทศไทย

การนำเทรนด์ไปใช้สำหรับธุรกิจไทย

เพื่อใช้ประโยชน์จากเทรนด์เหล่านี้ ผู้บริหารควรเริ่มต้นด้วยการเลือกแพลตฟอร์มที่รองรับ AI และการผสานข้อมูล เช่น Cvent หรือ vFairs นักการตลาดสามารถออกแบบเนื้อหาที่เน้นการมีส่วนร่วม เช่น การไลฟ์สตรีมกับวิทยากรท้องถิ่น และใช้โฆษณาเป้าหมายเพื่อดึงดูดผู้ชมในประเทศ สำหรับผู้ประกอบการ SMEs การใช้โมดูลบริการตนเองจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น เช่น การสร้างเว็บไซต์อีเวนต์ด้วยตัวเองเพื่อโปรโมตสินค้า

Normthing พร้อมให้คำปรึกษาในการวางแผนอีเวนต์เสมือนจริงที่สอดคล้องกับเทรนด์และกฎหมาย ESG หากคุณต้องการปรับกลยุทธ์สำหรับธุรกิจของคุณ เพียง Add Line @normthing เพื่อรับบริการจากทีมงานมืออาชีพ

ตารางสรุปเทรนด์อีเวนต์เสมือนจริงปี 2568

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ข้อมูลต่อไปนี้แสดงรายละเอียดเทรนด์

เทรนด์รายละเอียดแหล่งข้อมูล
การใช้ AIช่วยจับคู่เครือข่ายและวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การแนะนำเซสชันเหมาะสมvFairs AI for Events
แพลตฟอร์มแบบครบวงจรผสาน CRM, Martech, ATS เพื่อจัดการอีเวนต์ง่ายขึ้นvFairs Integrations
การเก็บข้อมูลผู้เข้าร่วมใช้ First-Party Data สำหรับการตลาด แต่ต้องสอดคล้อง PDPAvFairs First-Party Data
แพลตฟอร์มบริการตนเองผู้จัดสร้างเว็บไซต์หรือแอปมือถือได้ด้วยตัวเอง เพื่อลดต้นทุน
กลยุทธ์เนื้อหาเน้นกิจกรรมก่อน/หลังอีเวนต์ และสร้างแบรนด์อีเวนต์vFairs Content Marketing
ฟีดแบ็คจากผู้เข้าร่วม74% ผู้จัดใช้ฟีดแบ็คเพื่อปรับปรุงประสบการณ์Freeman Trends Report

ตารางนี้ช่วยให้ผู้บริหารและนักการตลาดสามารถวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างเป็นระบบ

Key Citations