เปลี่ยน ‘กระแสเงินสด’ จาก ‘เรื่องน่าปวดหัว’ ให้เป็น ‘เข็มทิศ’ นำทางธุรกิจสู่ความมั่นคง
มีภาพหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจ SME หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี: บัญชีสรุปผลกำไรขาดทุน (P&L) ปลายเดือนเป็นสีเขียวสวยงาม ดูเหมือนว่าธุรกิจกำลังไปได้ดี แต่พอถึงเวลาที่ต้องจ่ายเงินเดือนพนักงาน ชำระหนี้ซัพพลายเออร์ หรือจ่ายค่าเช่า กลับต้องกุมขมับเพราะเงินในบัญชีแทบไม่พอจ่าย!
ปรากฏการณ์ “กำไรทิพย์” หรือ “รวยบนกระดาษ” นี้ คือภาพสะท้อนของปัญหาที่เปรียบเสมือน “ฆาตกรเงียบ” ของธุรกิจ SME นั่นคือการขาดการบริหาร “กระแสเงินสด” (Cash Flow) ที่ดี กระแสเงินสดคือเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงธุรกิจ ต่อให้ธุรกิจของคุณมีกำไรมากแค่ไหน แต่ถ้าเลือดไม่ไหลเวียนมาทันเวลา ธุรกิจก็พร้อมจะล้มลงได้ทุกเมื่อ ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวน การเข้าใจและควบคุมกระแสเงินสดจึงไม่ใช่แค่ทักษะด้านการเงิน แต่คือทักษะการเอาตัวรอดที่สำคัญที่สุด
ยุคเศรษฐกิจติดขัด: 4 เหตุผลที่ ‘กระแสเงินสด’ สำคัญกว่า ‘กำไร’ ในวันนี้
ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การให้ความสำคัญกับกระแสเงินสดยิ่งทวีความสำคัญขึ้นเป็นเท่าตัว
- ความผันผวนคือความปกติใหม่: ต้นทุนวัตถุดิบที่ผันผวน อัตราดอกเบี้ยที่ไม่แน่นอน และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่คาดเดายาก ทำให้การมี “เงินสดสำรอง” ในมือเปรียบเสมือนเกราะป้องกันชั้นดีที่สุดที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้
- วงจรการชำระหนี้ที่ยาวนานขึ้น (Delayed Payment Cycles): เป็นเรื่องปกติที่ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง ลูกค้ารายใหญ่มักจะยืดระยะเวลาการให้เครดิตเทอมออกไป (เช่น จาก 30 วันเป็น 60 หรือ 90 วัน) ทำให้ SME ต้องแบกรับภาระต้นทุนไปก่อนเป็นเวลานาน
- ความคล่องตัวคือความได้เปรียบ: โอกาสทางธุรกิจดีๆ อาจเข้ามาโดยไม่คาดคิด เช่น ซัพพลายเออร์เสนอส่วนลดพิเศษหากซื้อวัตถุดิบด้วยเงินสด หรือโอกาสในการลงทุนขยายกิจการ การมีกระแสเงินสดที่ดีในมือทำให้คุณคว้าโอกาสเหล่านั้นไว้ได้ทันท่วงที
- อิสรภาพทางการเงินที่แท้จริง: ในวันที่การขอสินเชื่อจากธนาคารอาจยากขึ้นหรือมีต้นทุนที่สูงขึ้น การที่ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ด้วยเงินสดที่หมุนเวียนจากกิจการของตัวเอง คือสุดยอดของความมั่นคงและเป็นอิสระทางการเงิน
3 กลยุทธ์บริหาร ‘ท่อน้ำเลี้ยง’ ธุรกิจ: ทำนาย-เร่งเข้า-ชะลอออก
การบริหารกระแสเงินสดไม่ใช่เรื่องซับซ้อนที่ต้องเป็นนักการเงินเท่านั้นถึงจะทำได้ ที่ Norm Thing เราเชื่อว่า SME สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วย 3 กลยุทธ์หลักนี้
1. ทำนายอนาคต (ด้วยข้อมูล): สร้าง ‘พยากรณ์กระแสเงินสด’ อย่างง่าย
นี่คือเครื่องมือที่สำคัญที่สุด เปรียบเสมือนการดูพยากรณ์อากาศก่อนออกจากบ้าน คุณไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมซับซ้อน เริ่มต้นง่ายๆ ด้วย Spreadsheet:
- ฝั่งเงินเข้า (Cash Inflows): ลิสต์รายรับที่คาดว่าจะเข้ามาในแต่ละเดือนข้างหน้า เช่น ยอดขายหน้าร้าน เงินที่ลูกหนี้จะชำระ ฯลฯ
- ฝั่งเงินออก (Cash Outflows): ลิสต์รายจ่ายประจำที่ต้องจ่ายแน่นอน เช่น เงินเดือน ค่าเช่า ค่าวัตถุดิบ ค่าการตลาด ภาษี
- หาผลลัพธ์: นำเงินเข้าลบด้วยเงินออก คุณจะเห็นภาพอนาคตคร่าวๆ ว่าในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า สถานะเงินสดของคุณจะเป็นอย่างไร เดือนไหนจะติดลบ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวรับมือได้ทัน
2. เร่ง ‘เงินเข้า’: กลยุทธ์เก็บเงินให้เร็วขึ้น
ทำทุกวิถีทางเพื่อให้เงินจากยอดขายกลับเข้ากระเป๋าเราเร็วที่สุด
- สร้างแรงจูงใจ: เสนอส่วนลดเล็กๆ น้อยๆ ให้กับลูกหนี้ที่ชำระเงินก่อนกำหนด
- มีวินัยในการทวงถาม: ออกใบแจ้งหนี้ทันทีที่ส่งมอบงาน และมีระบบติดตามทวงถามอย่างสม่ำเสมอและเป็นมืออาชีพ
- ทำให้การจ่ายเงินเป็นเรื่องง่าย: เพิ่มช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น QR Code บัตรเครดิต หรือ Payment Gateway เพื่อลดข้ออ้างและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า
3. ชะลอ ‘เงินออก’: กลยุทธ์ยืดลมหายใจทางการเงิน
บริหารจัดการรายจ่ายอย่างชาญฉลาดเพื่อเก็บเงินสดไว้กับตัวให้นานที่สุด
- เจรจากับซัพพลายเออร์: หากคุณเป็นลูกค้าที่ดีและมีความสัมพันธ์อันยาวนาน ลองเจรจาขอขยายระยะเวลาเครดิตเทอมออกไป
- ทบทวนรายจ่ายประจำ: สำรวจค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ค่าสมาชิกโปรแกรมต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ แล้วตัดออกไป
- พิจารณาการ ‘เช่า’ แทน ‘ซื้อ’: สำหรับอุปกรณ์หรือเครื่องจักรราคาแพง การเช่าหรือเช่าซื้อ (Leasing) อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการจ่ายเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว
กรณีศึกษา (สมมติ): ‘Design a Day’ รอดจากวิกฤตเงินสดขาดมือได้อย่างไร
บริษัทรับเหมาตกแต่งภายใน “Design a Day” มีกำไรในกระดาษสวยหรูทุกโปรเจกต์ แต่เจ้าของกลับต้องวิ่งวุ่นหาเงินมาจ่ายค่าแรงช่างและค่าวัสดุอยู่เสมอ เพราะต้องสำรองจ่ายไปก่อนแต่เก็บเงินลูกค้าได้ช้า สิ่งที่พวกเขาทำ:
- ทำพยากรณ์กระแสเงินสด: พบว่าในอีก 2 เดือนข้างหน้า เงินสดจะติดลบอย่างหนัก
- เร่งเงินเข้า: ปรับสัญญาใหม่ โดยขอเก็บเงินมัดจำก้อนแรก 50% (จากเดิม 30%) เพื่อให้ครอบคลุมค่าวัสดุทั้งหมด และเริ่มรับชำระด้วยบัตรเครดิต
- ชะลอเงินออก: เจรจากับร้านขายอุปกรณ์สีเจ้าประจำที่ซื้อขายกันมานาน ขอเครดิตเทอมเป็น 45 วัน ผลลัพธ์: ภายใน 3 เดือน สถานะเงินสดของบริษัทกลับมาเป็นบวกและมีเสถียรภาพ พวกเขาสามารถบริหารโปรเจกต์ได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหมุนอีกต่อไป
สุขภาพการเงินที่ดี เริ่มต้นที่ ‘กระแสเงินสด’: เปลี่ยนความกังวลให้เป็นความควบคุม
ท้ายที่สุดแล้ว การบริหารกระแสเงินสดไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายบัญชี แต่เป็นทักษะและความรับผิดชอบโดยตรงของ “เจ้าของธุรกิจ” มันคือการมองให้เห็นถึงความเป็นจริงทางการเงิน ไม่ใช่แค่ตัวเลขกำไรในกระดาษ
การสร้างนิสัยในการพยากรณ์ การบริหารลูกหนี้ (เงินเข้า) และการบริหารเจ้าหนี้ (เงินออก) จะช่วยให้คุณเปลี่ยนจากความรู้สึกกังวลและต้องคอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไปสู่การเป็นผู้ควบคุมเกมการเงินของธุรกิจตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมิ และความมั่นคงนี้เองคือรากฐานที่แท้จริงของการเติบโตในอนาคต
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- FlowAccount – Cash Flow คืออะไร? สำคัญกับธุรกิจอย่างไร?: https://flowaccount.com/blog/cash-flow-statement/
- Microsoft Create – Cash flow forecast template (Excel): https://create.microsoft.com/en-us/templates/financial-management
- Krungsri Biz – เงินสดหมุนเวียน (Working Capital) คืออะไร?: https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/how-not-a-secret-capital-management