digital marketing มีอะไรบ้าง

Digital Marketing มีอะไรบ้าง การตลาดดิจิทัลหรือ Digital Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ช่องทางและเทคโนโลยีดิจิทัลในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย นี่คือบางแนวทางหลักใน Digital ซึ่งบทความนี้ Normthing ในฐานะที่ปรึกษาการตลาดและที่ปรึกษากฎหมายก็รวบรวมข้อมูลให้คุณได้เรียนรู้กันครับ

Digital Marketing มีอะไรบ้าง

Marketing

  • เว็บไซต์ (Website)

การสร้างและบำรุงรักษาเว็บไซต์เป็นส่วนสำคัญของการตลาดดิจิทัล เว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพสามารถเป็นทั้งตัวแทนของบริษัทและเครื่องมือสำหรับแปลความต้องการของลูกค้า ซึ่งการทำเว็บไซต์ ก็สามารถทำด้วยตัวเองหรือจ้างบริษัททำเว็บไซต์ ได้ด้วยเช่นกัน แต่หากพิจารณาทำด้วยตัวเองแล้วนั้นอาจต้องใช้เวลานานในการศึกษาหาความรู้หากไม่ได้มีความรู้ด้านนี้ การจ้างทำจะทำให้ประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดได้มากกว่า

  • SEO (Search Engine Optimization)

การปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้เหมาะกับการค้นหาในเครื่องมือการค้นหา เพื่อเพิ่มโอกาสที่เว็บไซต์จะปรากฏในผลการค้นหาของผู้ใช้ ซึ่งการทำSEO นั้นต้องอาศัยความรู้เฉพาะอย่างมาก และต้องใช้เวลานาน บริษัทรับทำSEO ก็มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเช่นเดียวกัน ผู้ประกอบการก็ต้องเลือกข้อดีข้อเสียให้เหมาะกับบริษัทตัวเอง

  • Content Marketing

การสร้างและแจกระหว่างเนื้อหาที่มีคุณค่าเพื่อดึงดูดและรักษาความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย วิธีนี้เป็นวิธีการทำการตลาดที่ต้นทุนต่ำแต่อาศัยวินัยและความรู้ค่อนข้างสูง การทำการตลาด ผ่านเนื้อหาปัจจุบันทำได้ผ่านหลายช่องทาง ยกตัวอย่างเช่นการเขียนบทความลงในเว็บไซต์ หรือการทำวิดีโอสั้น ๆ ก็ได้เช่นกัน

  • Social Media Marketing

การใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Twitter เพื่อสื่อสาร สร้างความสนใจ และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า  

  • Email Marketing

การส่งอีเมลล์ที่มีจุดประสงค์เพื่อสื่อสารกับลูกค้า ส่งข้อมูลโปรโมชั่น หรือส่งข่าวสาร  

  • Pay-Per-Click Advertising (PPC)

การโฆษณาโดยการจ่ายค่าตอบแทนตามจำนวนครั้งที่ผู้ดูโฆษณาคลิก โดยใช้พื้นที่โฆษณาบนเครื่องมือค้นหาหรือเว็บไซต์อื่น ๆ

  • Affiliate Marketing 

การร่วมมือกับพันธมิตรโดยให้ค่าคอมมิชชั่นตามยอดขายที่เกิดจากการแนะนำสินค้าหรือบริการ  

  • Influencer Marketing 

การใช้ผู้มีอิทธิพลในกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณาหรือสนับสนุน  

  • Video Marketing 

การใช้เนื้อหาที่เป็นวิดีโอในการสื่อสาร เผยแพร่ข้อมูล หรือโปรโมทสินค้าและบริการ  

  • Mobile Marketing 

การใช้แพลตฟอร์มโมบายล์ เช่นแอปพลิเคชั่นมือถือ การตลาดทาง SMS หรือการโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือ  

  • Chatbots 

การใช้ระบบการสนทนาอัตโนมัติเพื่อตอบคำถามหรือให้บริการลูกค้า  

  • Analytics and Data Analysis 

การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทราบถึงประสิทธิภาพของกิจกรรมตลาดและปรับปรุงในทิศทางที่เหมาะสม

การผสมการใช้ทั้งหมดหรือบางส่วนของแนวทางดิจิทัลเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพในโลกออนไลน์

การทำ เว็บไซต์ (Website) ควรเริ่มอย่างไร?

การสร้างเว็บไซต์เป็นขั้นตอนสำคัญในการตั้งค่าการประชาสัมพันธ์ออนไลน์สำหรับธุรกิจหรือองค์กร นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น

  1. กำหนดวัตถุประสงค์

กำหนดวัตถุประสงค์หลักที่ต้องการให้เว็บไซต์บรรลุถึง เช่น การโปรโมทผลิตภัณฑ์  การขายสินค้าออนไลน์    หรือการให้ข้อมูลและบริการ

  1. ศึกษาและวางแผน

ศึกษาและวางแผนการสร้างเว็บไซต์โดยพิจารณาปัจจัยเช่นกลุ่มเป้าหมาย    ลักษณะของเว็บไซต์    และฟีเจอร์ที่ต้องการ

  1. เลือกโดเมนเนม (Domain Name)

เลือกและลงทะเบียนโดเมนเนมที่สื่อความหมายและเป็นที่จำได้   โดเมนเนมควรสอดคล้องกับชื่อและบุคลิกภาพของธุรกิจ  

  1. เลือกเว็บโฮสติ้ง (Web Hosting)

เลือกบริการเว็บโฮสติ้งที่เหมาะสมกับความต้องการของเว็บไซต์   คำนึงถึงประสิทธิภาพ    ประสบการณ์ในการให้บริการ    และค่าใช้จ่าย

  1. เลือกแพลตฟอร์มการสร้างเว็บไซต์

บริจาคโค้ด (HTML, CSS, JavaScript) หรือใช้แพลตฟอร์มการสร้างเว็บไซต์ (CMS) เช่น WordPress, Joomla, หรือ Wix  

  1. ออกแบบเว็บไซต์

ออกแบบโครงสร้างของเว็บไซต์ การจัดวางเนื้อหาและการเลือกรูปแบบที่สวยงามและใช้งานได้  

  1. สร้างเนื้อหา

สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจสำหรับผู้เยี่ยมชม จัดหารูปภาพและสื่อมัลติมีเดียที่เหมาะสม  

  1. พัฒนาและทดสอบ

นำเนื้อหามาพัฒนาเป็นเว็บไซต์จริง ทดสอบการทำงานของเว็บไซต์ในหลายๆ อุปกรณ์และเบราว์เซอร์  

  1. ปรับปรุงและเผยแพร่

ปรับปรุงเว็บไซต์ตามผลการทดสอบและเผยแพร่เว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าถึง  

  1. ดูแลรักษาเว็บไซต์

ประสานงานกับเจ้าของเว็บโฮสติ้งเพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้ตลอดเวลา และทำการปรับปรุงตามความเปลี่ยนแปลงในธุรกิจ

การสร้างเว็บไซต์คือกระบวนการที่ต้องการความรอบรู้และการวางแผนที่ดี นอกจากนี้การค้นหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคหรือบริษัทที่มีประสบการณ์ในการสร้างเว็บไซต์ก็สามารถช่วยให้กระบวนการเป็นไปได้ตามความต้องการ เช่นนี้การที่คุณจ้างWebsite Agency นั้นอาจจะง่ายและประหยัดเวลามากกว่า แต่อาจแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นเดียวกัน

“การที่ธุรกิจมีเว็บไซต์จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ”

คำคมธุรกิจ

การทำ SEO (Search Engine Optimization) ควรเริ่มอย่างไร?

การทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นกระบวนการที่ช่วยเพิ่มความประสงค์ของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เพื่อให้มีโอกาสที่สูงที่จะปรากฏในผลลัพธ์การค้นหาที่ดี   นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น

  • วางแผนและวิเคราะห์คำสำคัญ (Keyword Research) 

หาคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาของเว็บไซต์ ใช้เครื่องมือค้นหาคำสำคัญ เช่น Google Keyword Planner, SEMrush, หรือ Ahrefs  

  • ปรับแต่งเนื้อหา 

สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าสำหรับผู้อ่านและสอดคล้องกับคำสำคัญที่เลือก   มีการใช้คำสำคัญในส่วนต่าง ๆ ของเนื้อหา เช่น ในหัวข้อ ข้อความลิงค์ และ META tags  

  • Optimize On-Page SEO 

ปรับแต่งหัวข้อ (Title Tag) เพื่อสื่อถึงเนื้อหาของเพจใช้ META description ในการอธิบายเนื้อหา   ใส่ ALT text ในรูปภาพ   ปรับแต่ง URL ให้สั้นกระชับและมีคำสำคัญ  

  • Optimize Page Speed 

ทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วโดยปรับปรุงขนาดรูปภาพใช้เครื่องมือตรวจสอบเว็บไซต์ที่ช่วยวัดประสิทธิภาพ เช่น Google PageSpeed Insights  

  • สร้างลิงค์ (Build Quality Backlinks) 

สร้างลิงค์ที่มีคุณค่าจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ ลิงค์ที่มีคุณภาพช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ในหลายๆ ตัวชี้วัดของเครื่องมือค้นหา  

  • Optimize for Mobile 

ปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการใช้งานบนอุปกรณ์พกพา เนื้อหาทั้งหมดควรสามารถเข้าถึงได้ง่ายและไม่มีปัญหาในการแสดงผล  

  • ให้ความสำคัญกับ Local SEO

ถ้าธุรกิจเป็นท้องถิ่น สร้างโปรไฟล์ใน Google My Business และให้ข้อมูลที่สมบูรณ์และแนะนำให้ลูกค้าให้รีวิว  

  • ให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ

หากท่านไม่มีความรู้มากเกี่ยวกับ SEO คุณค่าของการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ SEO หรือบริษัทที่เชี่ยวชาญจะมีประโยชน์มาก  

  • ติดตามและวัดผล 

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามผลการทำ SEOปรับปรุงและปรับทิศทางตามข้อมูลที่ได้  

การทำ SEO เป็นกระบวนการที่ต้องให้ความสำคัญและมีความยืดหยุ่นในการปรับทิศทางตามเทรนด์และการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มเป้าหมายและเครื่องมือค้นหา  

การทำ Content Marketing ควรเริ่มอย่างไร? 

การทำ Content Marketing เป็นกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับการสร้างและกระจายเนื้อหาที่มีคุณค่า เพื่อดึงดูดและรักษาความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย   นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น 

กำหนดเป้าหมายที่ต้องการบริการด้วย Content Marketing และกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสม   นำเสนอเนื้อหาเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม การสร้างความไว้วางใจหรือเพื่อเพิ่มยอดขาย  

  • ทำการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย 

ทำการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของคุณ เข้าใจความต้องการความสนใจและปัญหาที่พวกเขาอาจเจอ   นำเสนอเนื้อหาที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า  

  • ค้นหาและเลือกคำสำคัญ 

ทำการค้นหาและเลือกคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณนี่จะช่วยในการติดอันดับในผลการค้นหา  

  • สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า 

สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจสำหรับกลุ่มเป้าหมาย คำนึงถึงความหลากหลายของเนื้อหาเพื่อดึงดูดคนที่ต่างกัน  

  • ใช้รูปแบบต่าง ๆ ของเนื้อหา 

นอกจากบทความลองใช้รูปแบบอื่น ๆ เช่น วิดีโอ ภาพ การสร้างกราฟิก หรือสร้าง Infographic เพื่อทำให้เนื้อหาน่าสนใจมากขึ้น  

  • เขียนและแบ่งปันบทความ 

สร้างบทความที่มีโครงสร้างชัดเจนและเขียนในรูปแบบที่เข้าใจได้   แบ่งปันบทความทางสังคมออนไลน์และให้คนร่วมสนทนา  

  • ใช้เทคโนโลยี SEO 

ใช้เทคโนโลยี SEO เพื่อติดตามและปรับปรุงเนื้อหาของคุณปรับแต่งคำสำคัญ URLและแนะนำให้ใช้ META tags อย่างเหมาะสม  

  • สร้างยอดคนดูและติดตาม 

สร้างยอดผู้ติดตามบนช่องทางสังคมออนไลน์ ส่งอีเมลล์บริการข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจ  

  • วัดและปรับปรุง 

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวัดประสิทธิภาพของเนื้อหา ปรับปรุงตามผลวิเคราะห์เพื่อปรับทิศทางที่เหมาะสม  

การทำ Content Marketing คือกระบวนการที่ต้องการความอดทนและการตั้งใจ   นอกจากนี้ การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในด้าน Content Marketing หรือบริษัทที่เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณสามารถสร้างและดูแลเนื้อหาของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

การทำ Social Media Marketing ควรเริ่มอย่างไร?

การทำ Social Media Marketing เป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นในการใช้แพลตฟอร์มสังคมออนไลน์เพื่อสร้างการติดตาม สร้างความสนใจ และสร้างแบรนด์   

นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น:

  • กำหนดเป้าหมาย 

กำหนดเป้าหมายของการทำ Social Media Marketing ว่าคุณต้องการดึงดูดผู้ติดตาม เพิ่มยอดขาย, หรือสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า  

  • วิเคราะห์ตลาดและกลุ่มเป้าหมาย 

ทำการวิเคราะห์ลูกค้าเป้าหมายของคุณและทราบถึงลักษณะทางด้าน demographic พฤติกรรม และความสนใจของพวกเขา  

  • เลือกแพลตฟอร์ม 

เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn, และ TikTok เป็นตัวอย่างของแพลตฟอร์มที่มีความนิยม  

  • สร้างโปรไฟล์ที่น่าสนใจ 

สร้างโปรไฟล์ที่มีภาพโปรไฟล์และปกที่น่าสนใจ และระบุข้อมูลที่จำเป็นในเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ  

  • สร้างเนื้อหาที่มีค่าเพิ่ม 

สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีค่าเพิ่มสำหรับกลุ่มเป้าหมาย   นอกจากการโพสต์ข้อความ ลองใช้ภาพ วิดีโอ และ Stories เพื่อทำให้เนื้อหาหลากหลาย  

  • ตรวจสอบความทันสมัย 

รักษาระยะเวลาการโพสต์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละแพลตฟอร์ม   ตรวจสอบเทรนด์และเรียนรู้เพื่อปรับทิศทางการโพสต์ของคุณ  

  • ตอบโต้กับผู้ติดตาม 

ตอบโต้กับความคิดเห็น ข้อสงสัย หรือกิจกรรมของผู้ติดตาม   สร้างความสัมพันธ์และสื่อสารกับชุมชนของคุณ  

  • ใช้โฆษณาทางสังคม (Social Media Advertising) 

ใช้โฆษณาทางสังคมเพื่อเพิ่มการเผยแพร่ของเนื้อหาหรือเพื่อการโปรโมทสินค้าหรือบริการ  

  • วัดและวิเคราะห์ผล 

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวัดผลของกิจกรรมทางสังคม ปรับทิศทางตามข้อมูลที่ได้  

  • ปรับปรุงและพัฒนา 

ตรวจสอบและปรับปรุงกลยุทธ์ตลาดทางสังคมของคุณตามผลการวิเคราะห์และการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมาย  

การทำ Social Media Marketing ต้องการความคงทน การวิเคราะห์ และการปรับทิศทางตามเทรนด์และการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มเป้าหมาย  

การทำ Email Marketing ควรเริ่มอย่างไร?

การทำ Email Marketing เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นในการส่งข้อมูลและโปรโมชั่นผ่านทางอีเมลล์เพื่อสร้างความสนใจและความน่าเชื่อถือจากลูกค้า และ Normthing ก็ให้คำปรึกษาให้บริษัทได้ทำการตลาดประเภทนี้ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีกับธุรกิจด้วย และ นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น:

  • กำหนดเป้าหมาย 

กำหนดเป้าหมายของการทำ Email Marketing ว่าคุณต้องการเพิ่มยอดขาย สร้างความติดต่อ หรือส่งเสริมการโปรโมทสินค้า  

  • สร้างฐานข้อมูลผู้รับ 

สร้างฐานข้อมูลผู้รับที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการยินยอมให้ส่งอีเมลล์  

  • เลือกแพลตฟอร์ม Email Marketing 

เลือกแพลตฟอร์ม Email Marketing ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เช่น Mailchimp, Constant Contact, หรือ Sendinblue  

  • ออกแบบและสร้างเนื้อหา 

ออกแบบอีเมลล์ที่มีดีไซน์ที่น่าสนใจและสร้างเนื้อหาที่มีค่าเพิ่มสำหรับผู้รับ   นอกจากนี้, คำนึงถึงความทันสมัยและทำให้เนื้อหาของคุณมีคุณภาพ  

  • กำหนดหัวข้อและรายละเอียด

ทำให้หัวข้อและรายละเอียดของอีเมลล์ของคุณน่าสนใจ และสะท้อนเนื้อหาภายใน  

  • การจัดการลิสต์

จัดการลิสต์ของคุณโดยการแบ่งลิสต์ตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น ลูกค้าที่ทำการซื้อ ผู้สนใจ หรือกลุ่มเฉพาะ  

  • กำหนดเวลาการส่ง 

กำหนดเวลาที่เหมาะสมสำหรับการส่งอีเมลล์   คำนึงถึงโซนเวลาของกลุ่มเป้าหมาย  

  • การตรวจสอบความถูกต้อง 

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทุกครั้งก่อนที่จะส่งอีเมลล์   คำนึงถึงข้อกำหนดต้นทางกฎหมายเกี่ยวกับการส่งอีเมลล์  

  • วัดและวิเคราะห์ผล 

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อวัดผลการทำ Email Marketing   วิเคราะห์อัตราการเปิด อัตราการคลิก และการตอบกลับ  

  • ปรับปรุงและพัฒนา 

ทำการปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์ Email Marketing ของคุณตามผลการวิเคราะห์และการตอบรับจากผู้รับ  

การทำ Email Marketing มีประสิทธิภาพเมื่อทำให้เนื้อหาของคุณมีค่าเพิ่มและถูกส่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม

  

การทำ Pay-Per-Click Advertising (PPC) ควรเริ่มอย่างไร?

การทำ Pay-Per-Click Advertising (PPC) เป็นการโฆษณาทางออนไลน์ที่คุณจะต้องชำระเงินเมื่อผู้ใช้คลิกที่โฆษณาของคุณ   

นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น:

  • กำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ 

กำหนดเป้าหมายของการทำ PPC ว่าคุณต้องการเพิ่มยอดขาย สร้างการรับรู้ หรือส่งเสริมแบรนด์  

  • เลือกแพลตฟอร์ม PPC 

เลือกแพลตฟอร์ม PPC ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ   Google Ads และ Bing Ads เป็นทางเลือกที่นิยมสำหรับการทำ PPC  

  • ค้นหาและเลือกคำสำคัญ 

ค้นหาคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณและเลือกคำสำคัญที่มีประสิทธิภาพ  

  • สร้างและปรับแต่งโฆษณา 

สร้างโฆษณาที่น่าสนใจและเข้าใจได้   คำนึงถึงการใช้คำสำคัญในโฆษณาของคุณ  

  • กำหนดงบประมาณ 

กำหนดงบประมาณที่พร้อมจ่ายสำหรับแต่ละคลิก และกำหนดรูปแบบการเสนอราคาที่คุณต้องการ (CPC หรือ CPM)  

  • กำหนดเวลาการแสดงโฆษณา

กำหนดเวลาที่คุณต้องการแสดงโฆษณา ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเลือกเวลาที่มีประสิทธิภาพสูง  

  • ติดตั้งระบบการติดตาม

ติดตั้งระบบการติดตามการแปลงเพื่อวัดผลของการทำ PPC ของคุณ  

  • ทดลองโฆษณา

ทดลองโฆษณาเพื่อดูว่าโฆษณาไหนที่ทำได้ดีที่สุด และปรับแต่งตามผลการทดลอง  

  • วัดและวิเคราะห์ผล

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อวัดผลและปรับแต่งกลยุทธ์ตลาดตามผลการวิเคราะห์

  • ปรับปรุงและพัฒนา

ทำการปรับปรุงกลยุทธ์ PPC ของคุณตามผลการวิเคราะห์และการตอบรับจากผู้ใช้

การทำ PPC คือกระบวนการที่ต้องการการติดตามและปรับแต่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด   ความทันสมัยและการทดลองเป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญ PPC ของคุณ  

การทำ Affiliate Marketing ควรเริ่มอย่างไร?

การทำ Affiliate Marketing เป็นกลยุทธ์ที่อนุญาตให้บุคคลทั่วไป (Affiliates) ร่วมส่งเสริมและขายผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจของคุณ และคุณจะจ่ายค่าคอมมิชชั่นสำหรับการขายที่เกิดขึ้นจากลิงค์ที่ได้รับ   นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น 

  • กำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์

กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้กับโปรแกรม Affiliate Marketing ของคุณ และกำหนดกลยุทธ์การทำ Affiliate Marketing  

  • สร้างแผนการตลาด

สร้างแผนการตลาด Affiliate ที่รวมถึงโปรโมทสินค้าหรือบริการ การสร้างแบรนด์ และวิธีการช่วยส่งเสริมผลิตภัณฑ์  

  • เลือกแพลตฟอร์ม Affiliate

เลือกแพลตฟอร์ม Affiliate Marketing ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ   บางบริษัทมีระบบ Affiliate ที่ให้บริการตัวเอง ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ อาจใช้โซลูชั่นจากบุคคลที่สาม  

  • สร้างโปรแกรม Affiliate

สร้างโปรแกรม Affiliate ที่ชัดเจน ระบุอัตราค่าคอมมิชชั่น และกฎกติกาที่ Affiliates ต้องทราบ  

  • สร้างสื่อการโปรโมท

สร้างสื่อการโปรโมทที่ Affiliates สามารถใช้ เช่น บุคคลทั่วไป บริจาค แบนเนอร์โฆษณา และรหัสส่วนลด  

  • สร้างระบบติดตาม

สร้างระบบติดตามการขายและการกระทำของ Affiliates เพื่อวัดผลและคำนวณค่าคอมมิชชั่น  

  • ลงทะเบียน Affiliates

ลงทะเบียน Affiliates ที่สนใจทำงานกับคุณ และให้พวกเขาลงทะเบียนในโปรแกรม Affiliate ของคุณ  

  • ส่งเสริมและสนับสนุน Affiliates

ส่งเสริมโปรแกรม Affiliate ของคุณ และให้การสนับสนุน Affiliates ที่ต้องการ  

  • วิเคราะห์และปรับปรุง

วิเคราะห์ผลการทำ Affiliate Marketing และปรับปรุงกลยุทธ์ตลาดตามความต้องการ  

  • ส่งเสริมความร่วมมือ

สร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับ Affiliates ที่ประสบความสำเร็จ โปรโมทความสามารถของพวกเขา และช่วยเพิ่มยอดขายของคุณ  

การทำ Affiliate Marketing สามารถช่วยเพิ่มยอดขาย สร้างความรับรู้ และขยายตลาดของคุณ โดยให้ค่าคอมมิชชั่นให้กับ Affiliates เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรายได้และเสริมสร้างความเชื่อถือจากลูกค้า  

การทำ Influencer Marketing ควรเริ่มอย่างไร? 

การทำ Influencer Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ให้ผลลัพธ์ดีโดยการใช้ผู้มีอิทธิพล (Influencers) เพื่อโปรโมทแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของคุณ   นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น 

  • กำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์

กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้กับ Influencer Marketing ของคุณและกลยุทธ์การให้ความร่วมมือกับ Influencers  

  • ให้ความสำคัญกับความเชื่อถือ

เลือก Influencers ที่มีความเชื่อถือในกลุ่มเป้าหมายของคุณ   คำนึงถึงจำนวนผู้ติดตาม ความสนใจ และการแสดงความคิดเห็นของกลุ่ม

  • ระบุกลุ่มเป้าหมาย

ระบุกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการสื่อสาร และค้นหา Influencers ที่มีความสอดคล้องกับกลุ่มนั้น

  • ค้นหาและเลือก Influencers 

ค้นหา Influencers ที่มีความเหมาะสม โดยใช้เครื่องมือค้นหา Influencer หรือพิจารณาผลงาน ผู้ติดตาม และไลฟ์สไตล์ของพวกเขา

  • ติดต่อและเสนอความร่วมมือ

ติดต่อ Influencers และเสนอความร่วมมือ   ระบุวัตถุประสงค์ รายละเอียดของแคมเปญ และสิ่งที่คุณมีให้กับพวกเขา  

  • กำหนดขอบเขตและเงื่อนไข

กำหนดขอบเขตและเงื่อนไขการร่วมมือ ทั้งที่เกี่ยวกับการสร้างเนื้อหา ระยะเวลา และค่าตอบแทน

  • สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ

ร่วมมือกับ Influencers ในการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ

  • วัดผลและการวิเคราะห์

วัดผลของแคมเปญ Influencer Marketing ของคุณ โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ และปรับปรุงกลยุทธ์ตลาดตามผลการวิเคราะห์

  • ควบคุมและสร้างความสัมพันธ์

ควบคุมการร่วมมือ สนับสนุน Influencers และสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

  • ส่งเสริมและทำซ้ำ

ส่งเสริมแคมเปญผ่านช่องทางอื่น และทำซ้ำกระบวนการ Influencer Marketing เพื่อสร้างการเข้าใจและความร่วมมือที่ยั่งยืน

Influencer Marketing สามารถช่วยเพิ่มความได้สังคม สร้างความน่าสนใจในแบรนด์ของคุณ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การทำ Video Marketing ควรเริ่มอย่างไร?

การทำ Video Marketing เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ   นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น 

  • กำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์

กำหนดเป้าหมายของแคมเปญ Video Marketing ของคุณและกลยุทธ์การใช้ Video เพื่อถึงเป้าหมาย  

  • ระบุกลุ่มเป้าหมาย

ระบุกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการสื่อสารและสร้าง Video ที่เข้ากับความต้องการของพวกเขา  

  • วางแผนและสร้างเนื้อหา

วางแผนเนื้อหาของ Video โดยคำนึงถึงความน่าสนใจ ประโยชน์ที่จะได้รับ และความแตกต่าง  

  • เลือกรูปแบบและช่องทาง

เลือกรูปแบบ Video ที่เหมาะกับเนื้อหาของคุณ (เช่น วีดีโอคลิป อีสปริมเมียล วีดีโอสตอรี่) และเลือกช่องทางที่คุณจะใช้ (YouTube, Facebook, Instagram, TikTok ฯลฯ)  

  • สร้าง Video

สร้าง Video ที่มีคุณภาพสูง โดยใช้การถ่ายทำ การตัดต่อ และเทคนิคอื่น ๆ ที่ทำให้ Video ของคุณน่าสนใจ  

  • ปรับแต่งและเสริมสร้าง

ปรับแต่ง Video ของคุณในด้านกราฟิก เพิ่มบทบาท ใส่เสียงหรือเพลง และทำให้มีลายละเอียดที่ดี  

  • Optimize สำหรับ SEO

ให้เนื้อหาของคุณเหมาะสมกับ SEO โดยการให้คำอธิบายที่ครอบคลุม ใส่แท็ก และใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้อง  

  • ตั้งค่าการแบ่งปัน

ตั้งค่าการแบ่งปันของ Video ของคุณที่ช่องทางที่เลือก และให้เสริมสร้างโดยการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมแบ่งปัน  

  • วัดผลและปรับปรุง

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อวัดผลแคมเปญ Video Marketing และปรับปรุงตลาดตามผลลัพธ์  

  • ส่งเสริมและปรับปรุง

ส่งเสริม Video ของคุณผ่านช่องทางอื่น ๆ และทำซ้ำกระบวนการ Video Marketing เพื่อสร้างการเข้าใจและความสนใจจากผู้ชม  

Video Marketing สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความประทับใจ และเชื่อมโยงกับลูกค้าทั่วโลก   การใช้ Video เป็นส่วนหนึ่งของแผนการตลาดของคุณสามารถช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความน่าสนใจในแบรนด์ของคุณได้  

การทำ Mobile Marketing ควรเริ่มอย่างไร?

การทำ Mobile Marketing เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้มือถืออย่างแพร่หลายในปัจจุบัน   นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น:

  • ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย

ทำความเข้าใจลักษณะและพฤติกรรมการใช้งานของกลุ่มเป้าหมายที่ใช้มือถือ  

  • เว็บไซต์ที่เข้าใจกับมือถือ

แนะนำให้เว็บไซต์ของคุณเป็น responsively design หรือมี mobile-friendly design เพื่อให้ผู้ใช้งานที่เข้ามาผ่านมือถือมีประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดี  

  • สร้างแอปพลิเคชัน (App)

หากเหมาะสม สร้างแอปพลิเคชันที่มีประโยชน์และน่าสนใจสำหรับกลุ่มเป้าหมายของคุณ  

  • Mobile Advertising

ใช้โฆษณาบนมือถือเพื่อเพิ่มการรับรู้และสร้างความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย   สามารถใช้ Google Ads, Facebook Ads, Instagram Ads, และแพลตฟอร์มโฆษณาอื่น ๆ ที่เหมาะสม  

  • SMS Marketing

ใช้การตลาดทาง SMS เพื่อส่งข้อความโปรโมท ข้อมูลสิทธิพิเศษ หรือการแจ้งเตือนต่าง ๆ ถึงลูกค้า  

  • Email Marketing สำหรับมือถือ

สร้างและส่งอีเมลที่เหมาะสมสำหรับการอ่านบนอุปกรณ์มือถือ   รักษาการออกแบบที่เป็น responsive  

  • โฆษณาบนแอป

ทำความรู้จักกับโฆษณาบนแอปพลิเคชัน เช่น โฆษณาในแอป โฆษณาแบบชวนดาวน์โหลดแอป หรือโฆษณาแบบไลน์ในโซเชียลมีเดีย  

  • ติดตามและวิเคราะห์ผล

ใช้เครื่องมือติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อวัดประสิทธิภาพของแคมเปญ Mobile Marketing และปรับปรุงตลาดตามผลลัพธ์  

  • ทำ Mobile SEO

ทำ Search Engine Optimization (SEO) ที่เน้นที่การค้นหาผ่านมือถือ เพื่อให้เว็บไซต์หรือแอปของคุณปรากฏในผลการค้นหาของผู้ใช้มือถือ  

  • ตลาดในแอป

ให้ความสนใจในการตลาดภายในแอปพลิเคชัน เช่นการให้บริการผู้ใช้ในแอปพลิเคชันหรือการเพิ่มการชำระเงินผ่านแอป

การทำ Mobile Marketing ช่วยในการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบนมือถือ   การปรับแต่งและปรับปรุงแผนการตลาดให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้มือถือเป็นสิ่งสำคัญ  

การทำ Chatbots ควรเริ่มอย่างไร?

การทำ Chatbots เป็นกลยุทธ์ที่สามารถช่วยในการตอบสนองต่อลูกค้าได้รวดเร็วและเป็นอย่างดี

นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น:

  • กำหนดวัตถุประสงค์

กำหนดวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ Chatbots บรรลุถึง เช่น การตอบคำถามทั่วไป ช่วยในการทำธุรกิจ หรือการติดต่อลูกค้า  

  • ระบุกลุ่มเป้าหมาย

ระบุกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการให้ Chatbots เข้าถึงและช่วยเหลือ  

  • เลือกรูปแบบ Chatbots

เลือกรูปแบบ Chatbots ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เช่น Chatbots ที่ใช้ข้อความ แสดงรูปภาพ หรือให้คำแนะนำเสียง  

  • เลือกแพลตฟอร์ม

เลือกแพลตฟอร์มที่ Chatbots จะใช้ เช่น Facebook, Messenger, WhatsApp, หรือตัวตนดิจิทัลบนเว็บไซต์  

  • ตั้งค่าโครงสร้างและคำตอบ

กำหนดโครงสร้างการโต้ตอบของ Chatbots โดยรวมและตั้งค่าคำตอบในกรณีต่าง ๆ  

  • การตั้งค่าภาษาธรรมชาติ

ปรับ Chatbots เพื่อให้สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อภาษาธรรมชาติของกลุ่มเป้าหมาย  

  • การทดสอบและปรับปรุง

ทดสอบ Chatbots ในสภาพแวดล้อมจริงและปรับปรุงตลาดตามผลที่ได้  

  • การให้ความรู้และการฝึกอบรม

สร้างความรู้และการฝึกอบรมให้กับ Chatbots เพื่อให้มีความสามารถในการตอบสนองต่อคำถามหรือสิ่งที่ซับซ้อน  

  • ระบบคำนวณและการติดตาม

ให้ Chatbots สามารถคำนวณข้อมูล ติดตามการกระทำของผู้ใช้ และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์  

  • การรวม Chatbots ในแผนการตลาด

รวม Chatbots ในแผนการตลาดโดยให้มีตัวตนและศิลปะในการตลาดของคุณ  

การทำ Chatbots สามารถช่วยลดภาระงานของทีมสนับสนุนลูกค้า ประหยัดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อลูกค้า  

การทำ Analytics and Data Analysis ควรเริ่มอย่างไร?

การทำ Analytics and Data Analysis เป็นขั้นตอนสำคัญในการเข้าใจและดึงเอาข้อมูลที่มีประโยชน์จากกิจกรรมต่าง ๆ ในธุรกิจของคุณ นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่ควรเริ่มต้น 

  • กำหนดวัตถุประสงค์

กำหนดวัตถุประสงค์ของการทำ Analytics เพื่อให้คุณมีทิศทางที่ชัดเจน

  • ระบุข้อมูลที่จะวิเคราะห์

ระบุประเภทของข้อมูลที่คุณต้องการวิเคราะห์ เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการขาย หรือข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์  

  • เลือกเครื่องมือ Analytics

เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลของคุณ เช่น Google Analytics, Adobe Analytics, Microsoft Power BI, หรือ Tableau  

  • ทำความเข้าใจข้อมูล

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลที่คุณมี การทำความสะอาดข้อมูล และการจัดรูปแบบข้อมูลให้เหมาะสม  

  • วางแผนการวิเคราะห์

วางแผนขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการสร้างกรอบการทำความเข้าใจและประสิทธิภาพของการวิเคราะห์  

  • สร้างแผนประเมินความสำเร็จ

สร้างเกณฑ์ประเมินความสำเร็จของการวิเคราะห์ และวางแผนการปรับปรุงตลาดตามผลการวิเคราะห์  

  • การจัดทำรายงานและการนำเสนอข้อมูล

จัดทำรายงานที่ชัดเจนและนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทั้งในรูปแบบกราฟ แผนภูมิ หรือตาราง  

  • การติดตามและปรับปรุง

ติดตามการวิเคราะห์ของคุณในเวลาจริงและปรับปรุงตลาดตามผลการวิเคราะห์  

  • การสร้างทีม Analytics 

สร้างทีมหรือจ้างงานผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Analytics ที่สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล  

  • การเรียนรู้ตลอดเวลา 

การเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ เกี่ยวกับ Analytics และ Data Analysis เพื่อไม่ให้ทิ้งท้ายการพัฒนาทักษะของทีม  

การทำ Analytics and Data Analysis ช่วยให้ธุรกิจมีข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในการตัดสินใจและปรับปรุงแผนการตลาดของคุณ

สรุป Digital Marketing มีอะไรบ้าง

Digital Marketing มีอะไรบ้าง | การทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมีความสำคัญมากในสมัยปัจจุบันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อขายของผู้บริโภคและการดำเนินธุรกิจ การทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับจากการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งรวมถึงการเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า การสร้างความติดต่อและความสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้ การเพิ่มยอดขาย และการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้าสู่กลยุทธ์การตลาด 

การทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งช่วยให้ธุรกิจไม่เพียงแต่ทำตลาดและโปรโมทผลิตภัณฑ์และบริการ แต่ยังสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่น่าจดจำและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปรึกษากฎหมายสิ่งแวดล้อม หรือการทำการตลาดดิจิทัล ธุรกิจจำเป็นต้องทำให้ครอบคลุมในทุก ๆ ด้านไปในขณะเดียวกันครับ