เทรนด์การตลาดดิจิทัล: จาก ‘การหว่าน’ สู่ ‘การปลูก’: เมื่อความสัมพันธ์ที่แท้จริงคือหัวใจของการตลาดที่ยั่งยืน
ในแต่ละปีที่ผ่านไป เจ้าของธุรกิจและนักการตลาด SME มักจะถูกถล่มด้วยคำศัพท์ใหม่ๆ และ “เทรนด์” ที่ต้องตามให้ทันจนน่าเวียนหัว ตั้งแต่ Metaverse NFT ไปจนถึง AI สารพัดรูปแบบ แต่เมื่อพายุแห่งความตื่นเต้นเริ่มสงบลงในปี 2025 เราจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่าแก่นแท้ของการตลาดดิจิทัลกำลังมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือการเปลี่ยนจากการสื่อสารแบบ “ตะโกนบอก” (Broadcasting) ไปสู่การสร้าง “บทสนทนา” (Conversing) และ “ชุมชน” (Community) ที่แข็งแกร่ง
เกมการตลาดในวันนี้ไม่ได้วัดกันที่ว่าใครมีงบประมาณยิงแอดมากที่สุด แต่วัดกันที่ว่าใครสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ “จริงใจ” และ “ลึกซึ้ง” กับลูกค้าได้มากกว่ากัน บทความนี้จะสกัดเอา 3 เทรนด์สำคัญที่เป็นหัวใจของการเปลี่ยนแปลงนี้ มาให้ SME ไทยได้ทำความเข้าใจและนำไปปรับใช้ก่อนใครเพื่อน
4 ความท้าทายใหญ่ที่ ‘การตลาดแบบเดิม’ เอาชนะไม่ได้อีกต่อไป
การยึดติดกับกลยุทธ์การตลาดยุคเก่ากำลังกลายเป็นความเสี่ยง ด้วยความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
- ต้นทุนโฆษณาที่พุ่งทะยาน: ค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์มหลักๆ มีแต่จะสูงขึ้น การพึ่งพาแต่เงินเพื่อซื้อการมองเห็น (Visibility) เพียงอย่างเดียวนั้นไม่ยั่งยืนอีกต่อไป
- ยุคสิ้นสุดของ Third-party Cookies: การไม่สามารถติดตามผู้ใช้งานข้ามเว็บไซต์ได้เหมือนเดิม ทำให้การยิงแอดแบบ Remarketing ที่เคยได้ผลดีทำได้ยากขึ้น ธุรกิจที่ไม่มี “ข้อมูลของตัวเอง” ก็เปรียบเสมือนคนตาบอด
- ผู้บริโภคที่เบื่อหน่ายและไม่เชื่ออะไรง่ายๆ: ลูกค้าในปัจจุบันฉลาดและรู้ทัน พวกเขาสามารถแยกแยะระหว่างโฆษณากับคอนเทนต์ที่จริงใจได้ และพร้อมจะมอบความภักดีให้กับแบรนด์ที่สื่อสารกับพวกเขาอย่างมนุษย์เท่านั้น
- อัลกอริทึมที่ให้รางวัลกับการสร้างชุมชน: แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างปรับอัลกอริทึมให้รางวัลกับคอนเทนต์ที่สร้าง “บทสนทนา” และ “การมีส่วนร่วม” มากกว่าโพสต์ขายของแบบทื่อๆ
เจาะลึก 3 เทรนด์พลิกเกม: กลยุทธ์การตลาดสำหรับ SME ไทยในปี 2025
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ SME จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดและนำกลยุทธ์ใหม่ๆ เข้ามาใช้
1. AI-Powered Authenticity (ใช้ AI เพื่อ ‘เข้าใจ’ ไม่ใช่แค่เพื่อ ‘สร้าง’)
ในปี 2025 AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือเขียนแคปชันหรือสร้างรูปภาพอีกต่อไป แต่คือ “สมองกล” ที่ช่วยให้เรา “จริงใจ” กับลูกค้าได้ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น
- ทำอย่างไร: ใช้เครื่องมือ AI วิเคราะห์คอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียหรือรีวิวสินค้าของคุณ เพื่อค้นหา “เสียงที่แท้จริง” (Voice of Customer) ว่าพวกเขามีปัญหาอะไรและชื่นชอบอะไร จากนั้นใช้ข้อมูลเชิงลึกนั้นมาสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ พัฒนาสินค้า หรือส่งข้อความโปรโมชันที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล (Personalization) ผ่าน LINE OA หัวใจสำคัญคือการใช้ AI เพื่อ “ฟัง” ให้เก่งขึ้น แล้วจึง “พูด” ให้น้อยลงแต่ตรงใจมากขึ้น
2. The “Brand Community” Flywheel (เปลี่ยน ‘ผู้ซื้อ’ ให้เป็น ‘แฟนคลับ’)
การตลาดที่ยั่งยืนที่สุดคือการทำให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำและบอกต่อ และวิธีที่ดีที่สุดคือการสร้าง “ชุมชน”
- ทำอย่างไร: ใช้ช่องทางที่คุณมี เช่น Facebook Group LINE OpenChat หรือแม้แต่ฟีเจอร์ “Close Friends” ใน Instagram เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ลูกค้าได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ใช้คอนเทนต์วิดีโอสั้นและไลฟ์สดไม่ใช่แค่เพื่อขายของ แต่เพื่อสร้างกิจกรรม ให้ความรู้ และแชร์เรื่องราวจากลูกค้า (User-Generated Content) เพื่อทำให้พวกเขารู้สึกเป็น “สมาชิก” คนสำคัญ ไม่ใช่แค่ “ผู้ซื้อ” ที่ผ่านไปมา
3. First-Party Data คือขุมทรัพย์ใหม่ (สร้าง ‘บ่อน้ำมัน’ ของคุณเอง)
เมื่อข้อมูลจากภายนอก (Third-party Data) ใช้การไม่ได้อีกต่อไป ข้อมูลที่คุณเก็บรวบรวมจากลูกค้าโดยตรง (First-party Data) คือสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด
- ทำอย่างไร: สร้างกลไกง่ายๆ เพื่อให้ลูกค้า “เต็มใจ” มอบข้อมูลให้คุณ แลกกับคุณค่าบางอย่าง เช่น การสมัครสมาชิกเพื่อรับส่วนลด การลงทะเบียนรับประกันสินค้าเพื่อรับเคล็ดลับการใช้งาน หรือการแอด LINE OA เพื่อรับสูตรอาหารสุดพิเศษ ข้อมูลเหล่านี้ (เช่น ชื่อ อีเมล เบอร์โทร ประวัติการซื้อ) คือ “บ่อน้ำมัน” ส่วนตัวที่คุณสามารถนำไปใช้ทำการตลาดต่อได้อย่างแม่นยำและถูกกฎหมาย PDPA
กรณีศึกษา (สมมติ): ‘ใจดี คิทเช่น’ เปลี่ยนลูกค้าขาจรให้เป็น ‘ด้อม’ ด้วยข้อมูลและคอนเทนต์
แบรนด์เครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพ “ใจดี คิทเช่น” ได้นำ 3 เทรนด์นี้มาปรับใช้:
- เก็บ First-Party Data: บนฉลากสินค้าทุกขวด มี QR Code ให้ลูกค้าสแกนเพื่อแอด LINE OA และรับ E-Book “10 สูตรอาหารคลีนใน 15 นาที”
- ใช้ AI เพื่อเข้าใจ: พวกเขาใช้ AI วิเคราะห์บทสนทนาใน LINE OA และพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่คือ “พนักงานออฟฟิศที่ไม่มีเวลาทำอาหาร”
- สร้าง Brand Community: พวกเขาจึงเริ่มทำซีรีส์วิดีโอสั้น “มื้อเที่ยงชาวออฟฟิศกับใจดีคิทเช่น” บน TikTok และ Reels จัดกิจกรรมให้แฟนๆ แชร์เมนูของตัวเองเพื่อชิงรางวัล และทำไลฟ์สดสอนทำอาหารง่ายๆ เดือนละครั้ง ผลลัพธ์คือพวกเขาสามารถลดค่าใช้จ่ายในการยิงแอดหาลูกค้าใหม่ลงได้อย่างมหาศาล เพราะมีฐาน “แฟนคลับ” ที่เหนียวแน่นคอยซื้อซ้ำและบอกต่ออยู่เสมอ
อนาคตของการตลาดคือ ‘ความสัมพันธ์’: คุณพร้อมที่จะเริ่ม ‘ปลูก’ แล้วหรือยัง?
การตลาดดิจิทัลในปี 2025 และปีต่อๆ ไป จะให้รางวัลกับธุรกิจที่มองการณ์ไกลและลงทุนกับการสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริง เทคโนโลยีอย่าง AI ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนความเป็นมนุษย์ แต่เพื่อช่วยให้เรากลับไปสู่พื้นฐานที่สำคัญที่สุด นั่นคือการ “เข้าใจ” และ “ใส่ใจ” ลูกค้าของเราทีละคน
ถึงเวลาแล้วที่ SME ไทยจะเปลี่ยนจากการเป็น “นักล่า” ที่คอยยิงแอดหาลูกค้าใหม่ๆ ไปสู่การเป็น “เกษตรกร” ที่ค่อยๆ เพาะปลูกและดูแลชุมชนของตนเองให้เติบโตงอกงาม เพราะนี่คือหนทางสู่การตลาดที่ยั่งยืนที่สุด
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- HubSpot – The Ultimate Guide to Digital Marketing Trends for 2025: https://blog.hubspot.com/marketing/marketing-trends
- Gartner – Top Marketing Trends and Predictions for 2025: https://www.gartner.com/en/conferences/na/marketing-symposium-us/conference-resources/top-marketing-predictions-ga
- Forrester – Predictions 2025: Customer And Marketing: https://www.forrester.com/report/predictions-2025-customer-and-marketing/RES179511
- McKinsey & Company – The value of getting personalization right—or wrong—is multiplying: https://www.mckinsey.com/capabilities/growth-marketing-and-sales/our-insights/the-value-of-getting-personalization-right-or-wrong-is-multiplying