กว่าจะฉุกคิด

ฉุกคิดเริ่มต้นจาก แนวคิดที่ว่า “เราจะสร้าง ภูมิคุ้มกันทางความคิด ให้กับคนในสังคมได้อย่างไร ? ” และประชุมสรุปในสภากับกรรมาธิการ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม กันได้ว่าจะจัดเป็นรูปแบบงาน TALK ผ่าน Theme “ฉุกคิด ชีวิตเปลี่ยน”

จากนั้นเราเริ่มรวบรวมอาสาสมัคร ที่มีความหลากหลายทางความคิด ทัศนคติ รวมถึงหน้าที่การงาน อาสาสมัครไม่มีใครได้ค่าตอบแทนแต่ต่างคนต่างตั้งใจทำงานเพื่อให้งานนี้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดในระยะเวลาที่มี
อาสาสมัคร เตรียมงาน ประชุมงานกัน หลายต่อหลายครั้งก่อนจะออกมาเป็นวันนี้ และที่สำคัญที่สุดคืออาสาสมัครลงทั้งแรง ลงทั้งเงิน ลงความคิด และลงเวลา เพราะมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือเป็นส่วนหนึ่ง ส่วนเล็ก ๆ ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับคนในสังคมได้ ผ่านการทำงานร่วมกันโดยใช้หลักการ 2S คือ Service Mind และ Sanook !

Why ? Speaker ?
ทำไมต้องเป็น Speaker เหล่านี้ ? เราค้นหาบุคคลที่เรารู้จัก และไม่รู้จัก ทุกแวดวง ทุกวงการ และSpeaker เหล่านี้ คือตัวแทนแนวคิดของทีมงานได้มากที่สุด เพราะแต่ละท่านมีเรื่องราวที่น่าเรียนรู้ น่าเป็นแบบอย่าง น่าเอามาเล่าสู่กันฟัง

Speaker แต่ละท่านเตรียมตัวอย่างหนัก ซ้อม ทำสคริปต์ เพื่อให้เรื่องราวออกมาดีที่สุดภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ ถือว่าเป็นความท้าทาย ของเหล่า Speaker มาก ๆ ด้วยระยะเวลาที่สั้นมาก แต่สามารถดึงเรื่องราวที่ดีนำมาส่งต่อถึงผู้ฟังได้

Why NOW?
ทำไมต้องฉุกคิดตอนนี้ ? คุณค่าของเวลาเป็น สิ่งเดียวที่ไม่สามารถย้อนกลับมาได้ เพราะเราอยากให้ทุกคน “รู้ก่อนตอนนี้ ดีกว่ารู้งี้ตอนหลัง”

โดยทั้งหมดนี้รวมมาเป็นความงดงามของงานที่มีความแตกต่างทางความคิด สายงาน ทัศนคติ ตั้งแต่ ทีมงานอาสาสมัคร Speaker ไปจนถึงผู้ฟัง เป็น “ความกลมเกลียวที่ไม่เหมือนกัน”

Credit picture : karnteera